วันที่ 27 มี.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดฟังคำพิพากษาคดีของ “สมพล” (นามสมมติ) อดีตพนักงานบริษัทวัย 30 ปี ข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ทำให้เสียทรัพย์, พ.ร.บ.ความสะอาดฯ รวมทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีถูกกล่าวหาว่า ปาสีใส่ป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 บริเวณทางขึ้นทางด่วนศรีสมาน อ.ปากเกร็ด เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 และส่งภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่เปื้อนสีไปในกลุ่มไลน์
คดีนี้ได้มีการสืบพยานไปในระหว่างวันที่ 23-24 ม.ค. 2567 โดยจำเลยยอมรับว่าเป็นผู้ปาสีใส่ป้ายพระบรมฉายาลักษณ์จริง แต่การกระทำดังกล่าวไม่เข้าองค์ประกอบตามมาตรา 112 ดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้าย แต่อย่างใด
เวลา 09.00 น. “สมพล” และผู้รับมอบฉันทะทนายความได้เดินทางมารอที่ห้องพิจารณา 11 นอกจากนี้ยังมีผู้สังเกตการณ์จาก iLaw และสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า จากการสืบพยานทราบได้ว่า จำเลยเป็นผู้ลงมือปาสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์จริง เนื่องจากปรากฏภาพทางกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่ปาสีใส่พระบรมฉายาลักษณ์ นอกจากนี้หลังเจ้าพนักงานตรวจค้นบ้านจำเลยแล้ว ยังพบสีแดงซึ่งเป็นสีเดียวกันที่ใช้ปา จึงเชื่อว่าได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุจริง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงการกระทำของจำเลยแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยเขียนข้อความ เครื่องหมาย หรือแสดงพฤติกรรมอันเป็นการพูด เขียน หรือแสดงกิริยาดูถูกเหยียดหยามพระมหากษัตริย์ อันจะทำให้พระมหากษัตริย์เสี่อมเสีย พฤติการณ์เห็นได้ชัดว่า การกระทำของจำเลยมุ่งให้ทรัพย์สินเสียหายเท่านั้น จึงเห็นว่าการกระทำไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 และจึงไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เรื่องการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรด้วย
เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และ “ทำให้โคมไฟ ป้าย หรือสิ่งใดๆ ที่ราชการได้จัดทำไว้เพื่อสาธารณชนเกิดความเสียหายหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้” ตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ เนื่องจากเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ลงโทษจำคุก 1 ปี เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษลง 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 8 เดือน
เห็นว่าการกระทำของจำเลยจงใจให้ทรัพย์สินส่วนราชการที่จัดทำให้เพื่อสาธารณชนเสียหาย ทั้งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และมีโทษร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรให้รอการลงโทษ
หลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวสมพลลงไปยังห้องขังใต้ถุนศาล ทนายความและนายประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์ได้ยื่นขอประกันตัวจำเลยระหว่างอุทธรณ์
จนเวลาประมาณ 11.49 น. ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เดิมจำนวน 200,000 บาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดเพิ่มเติม
สำหรับสมพล เขาถูกจับกุมตามหมายจับถึงสองครั้ง พร้อมกับถูกแจ้งข้อหาหลักตามมาตรา 112 ไปแล้วรวม 6 คดี โดยเป็นเหตุเกี่ยวกับปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 จำนวน 5 คดี แยกคดีไปตามท้องที่เกิดเหตุ ได้แก่ คดีของ สภ.ปากเกร็ด, สภ.เมืองปทุมธานี, สภ.ปากคลองรังสิต, สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์, สน.ดอนเมือง และยังถูกแจ้งข้อหาอีกคดีหนึ่งของ สภ.คลองหลวง กรณีถูกกล่าวหาว่าพ่นสีสเปรย์ที่มีข้อความเกี่ยวกับกษัตริย์
คดีของเขาถูกสั่งฟ้องที่ศาลจังหวัดปทุมธานี 2 คดี, ศาลจังหวัดธัญบุรี 2 คดี, ศาลจังหวัดนนทบุรี 1 คดี และที่ศาลอาญาอีก 1 คดี โดยในส่วนคดีเกี่ยวกับการปาสีนั้น ศาลมีแนวทางยกฟ้องข้อหามาตรา 112 ทั้งหมด แต่ลงโทษจำคุกในข้อหาเกี่ยวกับการทำให้เสียทรัพย์ โดยสมพลยังได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ในคดีทั้งหมด