วันที่ 6 ก.ค. 2565 สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งสัญญาณถึงพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะสนับสนุนสูตรการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ โดยหารด้วยจำนวน 500
สุทิน มองว่า นายกฯ คงคิดเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองมากกว่า คงไม่มีเหตุผลอื่น คงคิดว่าถ้าเอา 100 หาร พรรคเพื่อไทยก็จะได้เปรียบ ถ้าเอา 500 หาร พรรคเพื่อไทยจะเสียเปรียบ
"บิ๊กตู่เขาก็คิดบนฐานคิดเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดเรื่องระบบที่ดีของประเทศในอนาคต แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะขัดหรือสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ และไม่ได้คิดว่าถ้าออกมาเป็น 500 จะขัดรัฐธรรมนูญจนศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยในเรื่องนี้ แล้วศาลรัฐธรรมนูญจะว่ายังไง คิดว่านายกฯ ตู่เขายังไม่คิด และไม่คิดอะไรหรอก... คิดแค่ว่าจะเอาชนะวันนี้"
สุทิน กล่าวว่า การยื่นร่างกฎหมายเลือกตั้งที่ผ่านสภาฯ แล้วให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นไปโดยระบบอยู่แล้ว แม้ไม่มีใครยื่นคำร้องขอวินิจฉัย ร่างกฎหมายก็ไปองค์กรที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แม้นายกฯ จะสั่งทุกพรรคจนผ่านสูตรหาร 500 ได้ สุดท้ายต้องผ่านศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯ จะสั่งศาลรัฐธรรมนูญได้อีกหรือไม่ ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาบนหลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่จะให้ไม่ผ่าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสัญญาณของนายกฯ น่าเป็นห่วงไหม สุทิน ตอบว่า ก็ดูยาก ถ้านายกฯ สั่ง ส.ว. ได้ สั่งประชาธิปัตย์ได้ สั่งภูมิใจไทยได้ สั่งพรรคร่วมได้ พรรคเพื่อไทยก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าสูตร 500 ผ่าน เขาคงคิดอยู่แล้วว่าในกลุ่มรัฐบาลที่กระแสตกมากก็จะได้มีกำลังใจและความหวังขึ้น เพราะฉะนั้นอาจมีพลังเกี่ยวเหนียวแน่นต่อ แต่ถ้า 100 อาจจะแพแตกวันพรุ่งนี้เลย เนื่องจากประชาชนไม่นิยมจึงต้องใช้เทคนิคการเลือกตั้งช่วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็น 500 เพื่อไทยจะแพแตกหรือไม่ สุทิน ยืนยันว่า ไม่แตก เพื่อไทยไม่แตกหรอก เราเชื่อว่าเราไม่มีความคิดจะต้องอาศัยเทคนิคการเลือกตั้งอย่างเดียว เราเชื่อว่าฐานประชาชนสำคัญกว่า
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ยืนยันแล้วว่าให้เวลา 4 วัน สุทิน กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว หากจะให้ 4 วัน ก็ไม่จำเป็นต้องประชุมวิปกันอีก ปล่อยให้เป็นไปตามข้อบังคับ ในเมื่อบรรจุญัตติเข้าสภาแล้วก็จำเป็นต้องอภิปรายให้จบเท่านั้น พร้อมระบุว่าฝ่ายค้านในสมัยนี้เป็นฝ่ายค้านที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและสภาโดยดีที่สุด ต่างจากในอดีตที่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านซึ่งไม่ได้มีการตกลงระยะเวลากันเช่นนี้
สุทิน กล่าวอีกว่า ในเมื่อเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่เห็นเหตุผลที่จำเป็นต้องมาปิดกั้นกัน แต่ถ้าที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ไม่ให้เวลาตามที่ขอ ก็คือไม่ให้ และมีโอกาสที่จะไม่อยู่ประชุมต่อ เพราะถือว่าไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว ขอให้เป็นดุลยพินิจของประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้พิจารณา และมองว่าประธานฯ ไม่มีสิทธิสั่งปิดการอภิปราย เว้นเสียว่าฝ่ายค้านทำผิดข้อบังคับ ซึ่งไม่ง่าย ส่วนตัวมองว่าข้อบังคับที่ปลอดภัยที่สุดคือ ข้อบังคับที่ว่า จำเป็นต้องอภิปรายให้ครบทุกคน