ไม่พบผลการค้นหา
นางแบบสาวชาวรัสเซียซึ่งถูกจับกุมพร้อมพวก 10 คน หลังเปิดคอร์สสอนเทคนิคทางเพศที่พัทยาเมื่อ 26 ก.พ. เป็นผู้เผยเบาะแสทางอ้อมว่ารองนายกฯ รัสเซียมีสัมพันธ์ใกล้ชิดและอาจรับสินบนจากมหาเศรษฐีที่เกี่ยวพันเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ

ตำรวจไทยจับกุมชายและหญิงชาวรัสเซีย รวม 10 คน ซึ่งเปิดคอร์สสอนเทคนิคการมีเพศสัมพันธ์ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรอยเตอร์รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของตำรวจไทย ระบุว่าการเปิดสอนวิชาดังกล่าว 'ไม่ผิดกฎหมาย' แต่ผู้ถูกจับกุมมีความผิดในข้อหาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต อยู่เกินกำหนดวีซ่า และลักลอบเข้าเมือง โดยทั้งหมดจะถูกดำเนินเรื่องส่งตัวกลับประเทศต้นทาง

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเรดิโอฟรียุโรปและเว็บไซต์เมดูซา สื่อรัสเซียซึ่งมีสำนักงานอยู่ในลัตเวีย รายงานเพิ่มเติมว่าหญิงชาวรัสเซีย 1 ใน 10 คนซึ่งถูกจับกุมที่พัทยา คือ 'นาสเตีย ริบกา' หรือ อนาสตาเชีย วาชูเควิช หญิงบริการชั้นสูงที่กำลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวในรัสเซีย เพราะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลการพบปะกันอย่างลับๆ ของนายเซอร์เก เอ็ดวาร์อิช ปรีคอดโค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ด้านนโยบายต่างประเทศ และนายโอเล็ก ดีริปาสกา มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอลูมิเนียม ที่ร่ำรวยติดอันดับ 23 ของรัสเซีย แต่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในฐานะผู้เกี่ยวพันกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ 

การเปิดเผยข้อมูลการลอบพบกันระหว่างรองนายกฯ และนักธุรกิจที่มีประวัติสีเทาไม่ใช่ความตั้งใจของริบกา แต่เป็นผลจากการสอบสวนและรวบรวมข้อมูลของนายอเล็กเซีย นาวัลนี ผู้นำกลุ่มต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งสังเกตเห็นว่าริบกามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมหาเศรษฐีดีริปาสกา โดยสืบเบาะแสจากรูปและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในบัญชีอินสตาแกรม (ไอจี) ของริบกา และนาวัลนีพบว่า ริบกาและดีริปาสกาพบกับปรีคอดโคบนเรือยอทช์ลำหนึ่งเมื่อเดือน ส.ค.2559

นอกจากนี้ หนังสืออัตชีวประวัติของริบกาซึ่งเผยแพร่ออกมาไม่นานนี้ที่ใช้ชื่อว่า "กลยุทธ์ยั่วยวนมหาเศรษฐี" ทำให้เธอได้รับฉายาว่า 'นักล่ามหาเศรษฐี' มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงการพบปะกันระหว่างมหาเศรษฐีที่เธอคบหากับ "รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านนโยบายต่างประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากผู้นำรัฐบาลหลายสมัย รวมถึงรัฐบาลปัจจุบัน" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ตรงกับนายปรีคอดโค 

Prikhodko

(รองนายกฯ ปรีคอดโค (กลาง) คุยกับนายกรัฐมนตรี (ขวา) ดมิทรี เมดเวเดฟ)

นาวัลนีเผยแพร่วิดีโอสรุปผลการสอบสวนความเกี่ยวพันระหว่างปรีคอดโค-ดีริปาสกา และริบกา เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าการลักลอบพบปะระหว่างนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายรัฐบาลเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะผลตรวจสอบบ่งชี้ว่า ทั้งหมดเดินทางไปยังนอร์เวย์และใช้เวลาร่วมกันบนเรือยอทช์ส่วนตัวของดีริปาสกา เข้าข่ายประพฤติมิชอบ เพราะยอมรับบริการมูลค่าสูงจากผู้มีอิทธิพล 

นอกจากนี้ บทสนทนาในคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ผ่านอินสตาแกรมของริบกา มีการพาดพิงเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้นาวัลนีตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจจะเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าปรีคอดโคเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงสหรัฐฯ กำลังสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่

หลังจากข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผย สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซีย รายงานว่า รองนายกฯ ปรีคอดโคและดีริปาสกายอมรับว่าพวกเขาคือผู้ที่อยู่ในคลิปวิดีโอจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เป็นการพบปะกันธรรมดาของเพื่อนฝูงที่รู้จักกันมานาน โดยทั้งคู่ประกาศว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีริบกาและนายอเล็กซ์ เลสลีย์ หุ้นส่วนธุรกิจของริบกาซึ่งเป็นผู้บันทึกวิดีโอบนเรือยอทช์ ข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัว ลอบนำวิดีโอของพวกเขาไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 

ขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลสื่อของรัสเซียได้มีคำสั่งระงับวิดีโอของนาวัลนีที่พาดพิงปรีคอดโคและดีริปาสกาเป็นการชั่วคราวเมื่อวันที่ 9 ก.พ. โดยระบุว่าเพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้ที่ถูกพาดพิง และต่อมา นาวัลนีตัดสินใจลบวิดีโอที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของตัวเอง navalny.com แต่ยังไม่ลบวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านยูทูบ เพราะยูทูบไม่รับคำร้องของรัฐบาลรัสเซียที่ขอให้ลบวิดีโอดังกล่าว 

(วิดีโอของนาวัลนีเอ่ยถึงการลอบพบกันของรองนายกฯ รัสเซียและนักธุรกิจที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ )

ส่วนเว็บไซต์โอเพนเดโมเครซีของสหรัฐฯ เผยแพร่บทความของอันเดรย์ คาลิค อดีตผู้สื่อข่าวของดอยเชอเวลเลอ ซึ่งผันตัวมาเป็นคอลัมนิสต์อิสระ ระบุว่าการฟ้องร้องริบกาและเลสลีย์เป็นเหตุผลทางการเมืองมากกว่าเหตุผลเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะดีริปาสกาถูกทางการสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเกี่ยวพันกับการฟอกเงินและเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ จนถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2557 และสื่อรัสเซียที่รายงานเรื่องดังกล่าวไม่ได้ถูกฟ้องร้องหรือดำเนินการใดๆ  

แต่ข้อมูลที่ได้จากสื่อสังคมออนไลน์ของริบกา ทำให้นาวัลนีได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากฝ่ายต่อต้านนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบัน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะชนะการเลือกตั้งใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 มี.ค.นี้ และนาวัลนีไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะกำลังถูกสอบสวนคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง ซึ่งนาวัลนียืนยันว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง 

ทั้งนี้ นาวัลนีและแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรายอื่นๆ เพิ่งจัดการชุมนุมครั้งใหญ่ในกรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนคว่ำบาตรการเลือกตั้งโดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่การเลือกตั้งที่อิสระและเป็นธรรม เนื่องจากคู่แข่งของนายปูตินหลายรายถูกกล่าวหาและดำเนินคดีต่างๆ จนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 

นอกจากนี้ ปูตินยังอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีมายาวนานเกือบ 20ปี ทั้งยังมีการคาดการว่าหากชนะเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปูตินจะดำเนินเรื่องเพื่อยืดเวลาการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจาก 4 ปีเป็น 6 ปีในอนาคต 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: