นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยืนยันสนับสนุนการทำงานของพรรคเพื่อชาติ แม้จะถูกตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี และเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2554 อาจทำให้พรรคการเมืองที่เคยได้เสียงสนับสนุน จากประชาชนอย่างพรรคเพื่อไทยถึง 265 เสียง จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะระบบเลือกตั้งถูกออกแบบให้การได้ส.ส. เขตมาก จะทำให้ได้ส.ส. บัญชีรายชื่อลดน้อยลง และเมื่อคำนวณตามหลักวิชาการแล้วหากพรรคเพื่อไทยได้ 170 ที่นั่งในระบบเขต มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะไม่ได้ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่า กลุ่มแนวร่วมของผู้มีอำนาจอย่าง กปปส. จึงแยกออกไปตั้งพรรคการเมืองมากถึง 5 พรรค เพราะเข้าใจในรัฐธรรมนูญและระบบเลือกตั้ง ซึ่งรวมกันอาจแพ้แยกกันชนะ
ประธาน นปช. ระบุว่า การสนับสนุนพรรคเพื่อชาติ จึงไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นการทำงานอย่างเข้าใจระบบ เข้าใจการเมือง และเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีศักยภาพของ นปช. ได้เข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้พรรคเพื่อชาติยังเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองสามารถเข้ามาร่วมงานกับพรรคได้ แต่มีเงื่อนไขหลัก คือต้อง ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย ส่วนจะมีบุคคลใดมาร่วมงานหรือไม่ นายจตุพรเห็นว่าไม่ใช่ เรื่องสำคัญแต่ขอให้คนที่เข้ามา ยึดมั่นในประชาธิปไตย ปลายทางการทำงานเมื่อมีโอกาสเข้าไปในสภาฯ จะมุ่งทำงานเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้เป็นเรื่องยาก แต่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ
สำหรับการจัดทำนโยบายพรรค ส่วนตัวนายจตุพรเห็นว่า จะต้องมาจากการรับฟังความเห็นของประชาชน มุ่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน พัฒนาเศรษฐกิจ และเสริมสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์