พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมคณะ ออกเดินทางไปยัง จ.หนองบัวลำภู เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคการเกษตรเชิงบูรณาการตามแนวทางศาสตร์พระราชา
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึง จ.หนองบัวลำภู นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักอินทรีย์ โพธิ์ศรีสำราญ ต.หัวนา อ.เมือง เพื่อพบปะประชาชน และเป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลให้แก่ผู้แทนประชาชน พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย และทำพิธีเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านโพธิ์ศรีสำราญ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ พลังงานทดแทน ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกรและแปลงปลูกผักอินทรีย์
จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ รับฟังการนำเสนอข้อมูลการดำเนินงานของเครือข่าย เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านนาคำไฮ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมเวทีประชาคมหมู่บ้านตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ประมาณ 300 คน จากนั้น นายกฯเยี่ยมชมกระบวนการผลิตผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์ด้านหัตถกรรม และสินค้าโอทอป ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอุบัติเหตุรถทัวร์ท่องเที่ยวชนกับรถบรรทุกตกเขาวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ให้มีการดูแลเรื่องดังกล่าวแล้ว
คืบหน้ารถทัวร์ตกเขาที่วังน้ำเขียว ตายเพิ่มเป็น 18ราย เจ็บ 32 คน
สำหรับความคืบหน้า อุบัติเหตุรถทัวร์ท่องเที่ยวปรับอากาศ 2 ชั้น ประสบอุบัติเหตุเสียหลักแหกโค้งพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไถลตกข้างทางฝั่งตรงข้ามและชนต้นไม้ ถนนทางหลวงหมายเลข 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี บริเวณโค้งมะกรูดหวาน ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาล่าสุดขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตแล้วรวม 18 ราย แยกเป็นหญิง 12 ราย และชาย 6 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 32 ราย
โดยทั้งหมดเป็นชาวบ้านจากพื้นที่ 2 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลหลุบ และตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งชาวบ้านได้เหมารถทัวร์ท่องเที่ยวไปเที่ยวทะเลที่จังหวัดจันทบุรี และขณะเกิดเหตุกำลังเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากระบบเบรกมีปัญหา และเบรกแตก เพราะช่วงระยะทางก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ และรอดชีวิต ระบุว่า ได้กินเหม็นไหม้ ก่อนที่จะได้ยินเสียงคนในรถตะโกนบอกว่ารถเบรกไม่อยู่ เบรกแตก จากนั้นรถทัวร์ก็วิ่งลงเนินเขาอย่างเร็ว และปีนข้ามแท่งปูนกั้นเกาะกลางถนน พุ่งข้ามไปยังฝั่งถนนอีกเลนชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ และร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมทางอีกทั้งหมดรวม 5 ร้านจนพังยับเยิน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบระบบสัญญาณจีพีเอสของรถทัวร์คันดังกล่าวพบว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุรถทัวร์วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทำให้คาดว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะเกิดจากระบบเบรกของรถทัวร์ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังตรวจสอบไม่พบตัวผู้ขับขี่รถทัวร์คันดังกล่าว และยังไม่ทราบว่าเสียชีวิตในเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้หรือไม่