จากกรณีอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวจากจังหวัดกาฬสินธุ์ เสียหลักพลิกคว่ำขณะเดินทางกลับจากไปท่องเที่ยวทะเลที่จังหวัดจันทบุรี บริเวณถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ราชสีมา ทางลงเขาวังน้ำเขียว ตำบลอุดมทรัพย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บอีก 32 คนนั้น
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (22 มี.ค.61) พล.ต.ต. วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวชายคนขับรถบัสได้ ซึ่งทราบชื่อคนขับ คือ นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายกฤษณะได้ ขณะเดินเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าริมทางใกล้กับจุดเกิดเหตุ โดยนายกฤษณะมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายกฤษณะยอมรับสารภาพเป็นคนขับรถบัสคันดังกล่าวจริง และไม่ได้ดื่มสุราแต่อย่างใด โดยก่อนเกิดเหตุเป็นทางลงเขารถบัสเกิดเบรกไม่อยู่ และเบรกแตก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุสยองขึ้นดังกล่าว และหลังเกิดเหตุได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต และหลบหนีไปโดยไม่แสดงตัวหลังเกิดเหตุ ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อุดมทรัพย์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกฤษณะไปทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจพบว่าปัสสาวะของนายกฤษณะมีสีม่วง และจากการสอบปากคำเพิ่มเติมนายกฤษณะยอมรับว่าได้เสพยาบ้าจริง ตำรวจจึงได้ส่งปัสสาวะไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด และเตรียมแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดในขณะขับรถเพิ่มเติมอีกข้อหา
รมว.คมนาคม ตรวจพื้นที่เกิดเหตุ สั่งเข้มงวดความปลอดภัย
ขณะเดียวกันวานนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางตรวจพื้นที่เกิดเหตุ โดยสันนิฐานว่า พนักงานขับรถโดยสารขับรถด้วยความประมาทและไม่ชำนาญเส้นทาง ประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งลงเขา โดยกรมการขนส่งทางบก ได้ตรวจสอบระบบ GPS ของรถในช่วงเกิดเหตุพบว่า มีลักษณะการใช้ความเร็วไม่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง และไม่ได้ตรวจสภาพรถตามรอบที่กำหนด ขณะนี้กรมการขนส่งทางบก อยู่ระหว่างเรียกผู้ประกอบการขนส่งและติดตามพนักงานขับรถโดยสารให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยจะพิจารณาลงโทษขั้นสูงสุด
ทั้งนี้ ได้สั่งการกรมการขนส่งทางบกเข้มงวดเรื่องวินัยของผู้ขับขี่ มาตรการบังคับใช้เข็มขัดนิรภัย มาตรการควบคุมรถ 2 ชั้น โดยเฉพาะการตรวจประวัติ และในอนาคตนอกจากระบบGPSให้นำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ควบคุมเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น เครื่องจับความง่วง เครื่องเตือนขณะขับขี่
สำหรับถนนสาย 304 ซึ่งมีโค้งที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ให้กรมทางหลวง เพิ่มมาตรฐานอุปกรณ์และเครื่องป้องกันมากขึ้นจากมาตรฐานสากลที่ได้ทำไว้ ได้แก่ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ความสูงแบริเออร์ ขนาดป้ายเชฟรอนให้เกินมาตรฐานสากลตลอดแนวเส้นทางจุดเสี่ยงและทุกโค้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-นายกฯ ลงพื้นที่ 'หนองบัวลำภู' พร้อมสั่งดูแลรถทัวร์ตกเขาโคราช