ไม่พบผลการค้นหา
โป๊ปฟรานซิสทรงเรียกร้องให้ทั่วโลกเห็นใจและเปิดรับผู้ลี้ภัยเนื่องในวันคริสต์มาส โดยทรงเทียบชะตากรรมของผู้ลี้ภัยว่เาหมือนโจเซฟและแมรี ที่ไร้ที่พักพิงจนต้องไปให้กำเนิดพระเยซูในโรงนา

โป๊ปฟรานซิส พระประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาธอลิก ทรงประกอบพิธีมิสซาเนื่องในคืนคริสต์มาสที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครวาติกัน โดยทรงระบุว่าขอให้ทั่วโลกอย่าละเลยชะตากรรมของผู้อพยพลี้ภัยหลายล้านคนทั่วโลก ที่ต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิดด้วยความจำเป็น และต้องละทิ้งคนที่รักไว้เบื้องหลัง โดยทรงเปรียบเทียบชะตากรรมของผู้ลี้ภัยว่าเหมือนกับแมรีและโจเซฟ ที่ต้องหลบหนีจากนาซาเรธไปยังเบธเลเฮม แต่กลับไม่มีใครให้ที่พักพิง จนต้องไปหลบในโรงนา ซึ่งกลายเป็นที่ประสูติของพระเยซู

โป๊ปยังทรงตรัสด้วยว่า ศาสนาคริสต์สอนให้ทุกคนเปิดกว้างต่อคนต่างชาติต่างภาษา เสมือนกับว่าเป็นเพื่อนบ้านของตนเอง เพราะผู้อพยพลี้ภัยจำนวนมาก ต้องหนีมาจากบ้านเมืองที่ปกครองโดยผู้นำซึ่งไม่ลังเลที่จะสังหารผู้บริสุทธิ์

พระดำรัสเนื่องในวันคริสต์มาสของโป๊ปฟรานซิส สอดคล้องกับจุดยืนของพระองค์ ที่ทรงต่อสู้เพื่อผู้ยากไร้และผู้ลี้ภัยมาโดยตลอด และพระองค์เองก็ทรงเป็นลูกหลานผู้อพยพชาวอิตาเลียนที่โยกย้ายไปอาศัยในอาร์เจนตินา โดยปัจจุบัน สหประชาชาติประเมินว่ามีผู้ลี้ภัยทั่วโลกกว่า 22 ล้านคน

AP17355427645583.jpg

นักแสดงชาวคริสต์แสดงบทบาทสมมุติในเหตุการณ์พระคริสตสมภพ ที่เมืองเบธเลเฮม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเวสต์แบงค์ ปาเลสไตน์

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โป๊ปฟรานซิสเสด็จไปเยือนบังกลาเทศและเมียนมาอย่างเป็นทางการ เพื่อเรียกร้องให้นานาชาติ รวมถึงรัฐบาลเมียนมาเอง ตระหนักถึงวิกฤตผู้ลี้ภัยโรฮิงญา ซึ่งกลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดในโลก จากการที่ชาวโรฮิงญา 650,000 คนต้องหนีความรุนแรงในรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศภายในเวลาเพียง 4 เดือน และก่อนหน้านี้ โป๊ปฟรานซิสก็ทรงมีบทบาทนำมาตลอดในการเรียกร้องให้ชาติยุโรปเปิดรับผู้ลี้ภัยจากซีเรียและประเทศอื่นๆในแอฟริกาและตะวันออกกลาง รวมถึงยังทรงวิจารณ์นโยบายปิดกั้นผู้อพยพของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ