เมตาเปิดเผยว่า ตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุ ทางบริษัทพบการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกบิดเบือนพุ่งสูงขึ้น โดยเนื้อหาจำนวนมากเชื่อมโยงกับการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย นอกจากนี้ เมตายังชี้อีกว่ามีการบิดเบือนข้อมูลภายในประเทศ และการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
“ในขณะที่ความสนใจของสาธารณชนส่วนใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามุ่งเน้นไปที่การแทรกแซงจากต่างประเทศ แต่ภัยคุกคามในประเทศกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก” นิค เคลกก์ ประธานฝ่ายกิจการระดับโลกของเมตาเผย ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้ปล่อยข้อมูลที่ถูกบิดเบือนจำนวนมากในปัจจุบัน โดยจากรายงานของเมตาเปิดเผยว่า หลายกลุ่มของผู้ปล่อยข้อมูลที่ถูกบิดเบือนมีความเชื่อมโยงกับทางการรัสเซีย
กลุ่มผู้ปล่อยข้อมูลบิดเบือนพยายามบิดเบือนข้อมูลที่เกิดขึ้นในการรุกรานยูเครน ในขณะที่อีกด้านก็พยายามสร้างทฤษฎีสมคบคิดเพื่อสนับสนุนรัสเซียอยู่ภายในประเทศของตน ทั้งนี้ เมตาพบองค์กรแฮกเกอร์อย่าง Ghostwriter ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันกับเบลารุส ประเทศพันธมิตรของรัสเซีย ซึ่งมีประวัติในการเผยแพร่เนื้อหาวิจารณ์องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) และพยายามแฮกบัญชีอีเมล์ผู้อื่น
อย่างไรก็ดี เบลารุสและรัสเซียไม่ได้ออกมาโต้แย้งต่อรายงานฉบับดังกล่าว โดยตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้เข้าปะทะกับบริษัทด้านเทคโนโลยีเจ้ายักษ์หลายแห่ง เพื่อควบคุมการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร ส่งผลให้เกิดการแบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในรัสเซีย นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังถูกควบคุมความเร็วของการส่งต้อข้อมูลข่าวสารในรัสเซียด้วย
รัสเซียยังได้พยายามเสนอข้อมูลที่บิดเบือน ทั้งการสร้างทฤษฎีสมคบคิดในการโจมตีว่ามีระบอบนาซีเกิดขึ้นในยูเครน รวมถึงมีห้องปฏิบัติการอาวุธชีวภาพของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในยูเครน ทั้งนี้ สื่อที่น่าเชื่อถือในระดับนานาชาติสามารถพิสูจน์ว่าข้อมูลของรัสเซียต่างๆ ถูกนำเสนออย่างบิดเบือนและไม่มีหลักฐานอ้างอิง นอกจากนี้ เมตายังได้พบบัญชีที่ถูกสร้างปลอมขึ้นเพื่อสร้างและแพร่กระจายคำพูดโกหกใส่ร้ายยูเครนอีกจำนวนมาก
ในโซเชียลมีเดียของไทยเองก็มีการส่งต่อข้อมูลที่ถูกบิดเบือน หลังจากโครงการของมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้สอนด้านข่าวและสารสนเทศในเอเชีย (Asian Network of News & Information Educators - ANNIE) ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงของภาพเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ในโพสต์หัวข้อตรวจสอบข่าวปลอมกรณียูเครนพบว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายของไทยมีการตัดต่อรูปภาพ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่กำลังถือพระบรมฉายาลักษณ์ (รูปถ่าย) ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือในหลวง ร.9 พร้อมข้อความว่า “รัสเซียยืนหยัดได้ เพราะบุญคุณของ ในหลวงร.9”
นอกจากนี้ สื่อบางสำนักของไทยอ้างอิงข่าวปลอมในช่วงการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ถึงข้อความที่กล่าวอ้างว่าเป็นคำกล่าวไว้อาลัยของประธานาธิบดีรัสเซียถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครั้งสวรรคตเมื่อปี 2559 ว่า “‘มหาราชผู้ยิ่งใหญ่’ ผู้ไม่เคยสู้รบกับใคร แต่สามารถทำให้ทุกคนยกย่องสรรเสริญได้ ทั่วโลกยอมแพ้ได้มีแค่คนเดียว คือ ‘คิงภูมิพล’” ข้อความดังกล่าวถูกส่งต่อครั้งใหญ่อีกครั้งจากเพจเฟซบุ๊กรายการ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ด้วย
ที่มา: