หน่วยงานรักษาดินแดนของรัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า กองทัพของตนได้ปลดปล่อยเมืองวอฟชานสค์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนระหว่างประเทศประมาณ 2-3 กิโลเมตร โดยพวกตนได้ขับไล่ทหารรัสเซียออกไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 ก.ย.) หลังจากการโจมตีตอบโต้ของกองทัพยูเครนอย่างรุดหน้าภายในเวลาไม่กี่วัน จนยูเครนสามารถยึดคืนอาณาเขตของตนได้มากกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตรจากรัสเซีย ซึ่งรวมถึงเขตทางตอนใต้ของประเทศ ที่กำลังมีการแยกกองกำลังตอบโต้เพื่อยึดเมืองเคอร์ซอนกลับคืนมา
เซอร์ฮีย์ ฮาดาย ผู้ว่าการภูมิภาคลูฮานสก์กล่าวว่า หน่วยรบของรัสเซียได้หลบหนีด้วยความระส่ำระสาย โดยกองกำลังยูเครนท้องถิ่นได้ยกเชิญชาติยูเครนขึ้นเหนือเมืองเครมินนา ซึ่งเป็นเมืองสำคัญที่ปัจจุบันตกอยู่ในสภาพ “ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง” เนื่องจากกองกำลังยึดครองของรัสเซียหนีออกจากพื้นที่อย่างทันทีทันใด หรือไม่ก็เกิดความกลัวเกินกว่าจะทำลายเมืองทิ้งได้ ยังมีรายงานพบอาวุธและยุทโธปกรณ์จำนวนมากของรัสเซีย ที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง ขณะที่กองทัพยูเครนกลับเข้ามายึดคืนพื้นที่ของตนเองเอาไว้ได้
The New York Times รายงานว่า เจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกยกย่องกลยุทธ์ทางทหารที่ “เป็นนวัตกรรมและทดลอง” ของยูเครน เมื่อเปรียบเทียบกันกับทางรัสเซีย ซึ่งบางครั้งผู้บัญชาการต้องรอการตัดสินใจจากประธานาธิบดีรัสเซีย ส่งผลให้เกิดการตอบสนองในสนามรบที่ช้าลง “มอสโกใช้ไขควงด้ามยาว” เจ้าหน้าที่ตะวันตกกล่าวเสริม
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่า ตนได้ช่วยยูเครนในการวางแผนกลยุทธ์ตอบโต้การโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนของการโจมตีในพื้นที่คาร์คีฟ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการของยูเครนได้เริ่มเปิดรับเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ตลอดจนคำแนะนำจากทางสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรมากขึ้น อย่างไรก็ดี การตัดสินใจใดๆ ยังคงผ่านการเคาะจากทางการยูเครนเอง
เมื่อวันอังคาร (13 ก.ย.) ที่ผ่านมา มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและผู้บัญชาการทหารของรัสเซียได้เริ่มอพยพออกจากพื้นที่จากแหลมไครเมีย และได้ “ให้ครอบครัวของพวกเขาตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างเร่งด่วน” หลังจากการพ่ายแพ้ต่อยูเครนในสนามรบครั้งล่าสุด นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองยูเครนยังพบเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเป็นสายลับให้ปูตินกับทาง FSB ของรัสเซีย ได้เร่งหลบหนีไปหาญาติของตนเองในพื้นที่ของรัสเซีย ยังมีรายงานพบการขายห้องพักของเจ้าหน้าที่รัสเซียเองทิ้งอีกด้วย
หลังจากยูเครนสามารถตีพื้นที่ในทางตะวันออกเฉียงเหนือ และค่อยๆ รุกพื้นที่ทางตอนใต้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าจับตามอง แนวโน้มที่ยูเครนอาจจะสามารถยึดไครเมียคืนกลับมาเป็นของตนเองได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ทางการยูเครนทำการโจมตีอย่างลึกลับใส่ฐานกองทัพอากาศ และทิ้งระเบิดใส่ฝ่ายรัสเซียในพื้นที่ไครเมียของยูเครน ที่ถูกยึดและผนวกไปเป็นของตนเมื่อปี 2557 นอกจากนี้ ท่าทีของ เซอร์กี อักสโยนอฟ ผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางการรัสเซียให้คุมไครเมีย เริ่มมีอาการที่ดูสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อยๆ
นับตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (12 ก.ย.) ที่ผ่านมา ใครที่จะเดินทางผ่านสะพานออกจากพื้นที่ไครเมีย จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานเกณฑ์ทหาร สื่อของฝ่ายนิยามรัสเซียรายงานพร้อมระบุเสริมว่า มีการสั่งห้ามการขายบ้านในพื้นที่ไครเมียด้ย
ตามรายงานของ Institute for the Study of War กองทัพรัสเซียได้ถอยทัพจากฝั่งขวา (เหนือและตะวันตก) ของแม่น้ำดนีเปอร์ ซึ่งแทบจะเป็นการทิ้งตำแหน่งนอกเมืองเคอร์ซอนทางตอนใต้ไป นอกจากนี้ กองกำลังที่เสื่อมถอยของ “สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์” ได้ถอนตัวออกจากหมู่บ้านคีเซลีฟกาด้วย เหลือเพียงแค่รถทหารจำนวน 4 คันเท่านั้น
Institute for the Study of War ชี้ว่า คีเซลีฟกาเป็นเมืองที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับกองกำลังรัสเซีย และพื้นที่ตลอดแนว 15 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือของเคอร์ซอน ทั้งนี้ ทหารรัสเซียที่ปกป้องเมืองซึ่งยึดมาจากยูเครน ถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างเห็นได้ชัด หลังจากยูเครนทำลายสะพานทั้ง 4 แห่ง ที่ใช้ข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ บริเวณเขตชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของเคอร์ซอน ซึ่งตอนนี้เสี่ยงต่อการถูกตีโต้ของยูเครน
ที่มา: