ไม่พบผลการค้นหา
คณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน พรรคเพื่อไทย รับร้องเรียนผ่านเพจพรรค ส่งทีมงานลงพื้นที่เก็บข้อมูลรายงานผลทันที ยืนยันพร้อมประกันตัวแกนนำและขออยู่เคียงข้างม็อบประชาธิปไตย

จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ในคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสาเหตุการตั้งคณะทำงานชุดนี้ขึ้นมาเนื่องจากเดิมพรรคเพื่อไทยสนับสนุนความเป็นประชาธิปไตยมาตลอด และเมื่อมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อให้การชุมนุมนั้นเป็นไปด้วยสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ การทำงานจะไม่ไปก้าวก่ายการชุมนุม แต่เป็นลักษณะเคียงข้าง เมื่อไหร่ที่มีการชุมนุมตามกฎหมาย แต่ถูกคุกคาม ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ คณะทำงานจะเข้าไปดูแลประสานงาน หรือถูกจับกุมคุมขังคณะทำงานนี้จะเข้าไปประกันตัว

คณะทำงานประกอบไปด้วย ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย และจะมีตัวแทนในพื้นที่ต่างๆ เข้าไปเก็บข้อมูล ดูแลรับเรื่องร้องเรียน พร้อมทั้งมีอาสาสมัครลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลและรับเรื่องร้องเรียนในม็อบพร้อมทั้งแจ้งกลับเข้ามาในคณะโดยทันที

นอกจากนี้ยังมีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่านเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย หรือผ่าน ส.ส.เขต และไลน์ โอเพน แชท ที่นักเรียน นักศึกษาสามารถเข้าร่วมและแจ้งปัญหาได้ โดยตอนนี้มีร้องเรียนเข้ามากว่า 100 เรื่อง และจะมีคณะกลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดำเนินการไปแล้วและกำลังดำเนินการกว่า 40 เรื่อง

"เมื่อทราบว่าแต่ละกรณีเกิดขึ้นในจังหวัดอะไร จะส่งเรื่องไปให้ ส.ส.ในพื้นที่ดำเนินการต่อ แต่การดำเนินการของแต่ละกรณีขึ้นอยู่กับความสบายใจของน้องๆ และครอบครัวด้วย

"กรณีไหนที่ไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็จะเข้าไปช่วยเจรจาเบื้องต้น แต่ไม่นำเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการการเมืองหรือดำเนินคดี เช่น นักเรียนในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ได้รับทุนการศึกษาจนจบ ม.6 แต่ทางโรงเรียนพบว่านักเรียนคนนั้นไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเยาวชนปลดแอกก็เลยถอนทุน ทางกลุ่มก็ส่งตัวแทนเข้าไปคุยกับโรงเรียนจนนักเรียนคนนั้นได้ทุนคืน แต่เขาไม่ต้องการให้นำเรื่องเข้ากรรมาธิการเพราะกังวลเรื่องสวัสดิภาพและความสัมพันธ์กับครูในโรงเรียน ทางโรงเรียนก็เข้าใจและรับว่าจะดูแลไม่ให้เกิดเรื่องนี้อีก

"ส่วนกรณีของจังหวัดอุบลราชธานีที่นักเรียนถูกตบศีรษะและใบหน้า ซึ่งทางคณะก็เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงในคณะกรรมาธิการ และกรณีที่ภาพเด็กอนุบาลชู 3 นิ้ว และถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงไปปรามถึงที่บ้าน ทางคณะก็ได้ส่ง ปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร เข้าไปสืบหาข้อมูล ทราบว่าเป็นการโพสต์ภาพของคุณตาโดยไม่ต้องการให้เป็นประเด็นทางการเมือง แต่ถูกเอาภาพไปส่งต่อ ซึ่ง ปิยวัฒน ได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นต้น

สังเกตได้กว่า 50 กรณีเกิดขึ้นในสถานศึกษา มีทั้งกรณีที่นักเรียน นักศึกษาถูกครูคุกคาม เช่น ครูเรียนไปตักเตือนไม่ให้โพสต์แสดงความเห็นทางการเมืองในเฟซบุ๊ก ยึดโบว์ขาว ไม่ให้ชูสามนิ้ว เป็นต้น และกรณีที่ครูที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาคุกคามบังคับไม่ให้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในสถานศึกษา

อย่างไรก็ตามตระหนักดีว่าการทำงานของคณะเป็นการแก้ปัญหาแค่เบื้องต้น เป็นการช่วยเหลือชั่วคราวให้ได้รับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกคืน แต่ไม่ใช่ระยะยาว แม้ว่าทางคณะทำงานจะมีการติดตามหลังการช่วยเหลือ

จิราพร ยืนยันว่าการแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลต้องออกมาประกาศจุดยืนให้การชุมนุมสามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องประกาศจุดยืนว่าจะไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพของนักศึกษาและประชาชน เพราะที่ผ่านมาแม้จะเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ลิดรอนสิทธิ แต่ก็มีการจับกุมคุมขังแกนนำ และคนที่แสดงความเห็นต่าง ดังนั้นคณะทำงานจึงไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างแท้จริง ถ้ารัฐบาลไม่ออกมาแสดงจุดยืนของตัวเอง

เมื่อถามว่ามีคนเคยวิจารณ์หรือไม่ว่าพรรคอาจอยู่เบื้องหลังม็อบจึงต้องมีคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือ

จิราพร กล่าวว่า ม็อบนี้ไม่มีแกนนำชัดเจน ทุกคนมีจุดร่วมที่ได้รับการตกผลึกทางการเมืองร่วมกันมา และข้อเรียกร้องต่างๆ ก็ได้รับการกลั่นกรองมาแล้วว่าตลอดระยะเวลาที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของประเทศ มันเกิดอะไร อย่างไร ข้อเรียกร้องที่โยนเข้ามาจึงเป็นการถามต่อการทำงานและความชอบธรรมของรัฐบาล แล้วแต่ละคนที่มาร่วมก็มีความเป็นปัจเจกมาก พรรคเพื่อไทยเป็นเหมือนคนที่อยู่เคียงข้าง เพราะพรรคผ่านการชุมนุมมาหลายครั้ง สามารถช่วยมองเป็นหูเป็นตาเพื่อประคับประคองให้ไม่เกิดความรุนแรง และเยาวชนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่

ทั้งนี้เห็นว่าการลิดรอนสิทธิส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาอาจเป็นเพราะว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไม่มีนโยบายที่ชัดเจน ครูอาจารย์จึงอาจจะกังวลทำให้เกิดการยึดโบว์ หรือห้ามชู 3 นิ้ว ขณะเดียวกันธรรมชาติของมนุษย์ยิ่งห้ามก็ยิ่งต่อต้าน เพราะเยาวชนหลายคนที่ทางคณะเข้าไปพูดคุย พวกเขาตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพและเชื่อว่าไม่ใช่ภัยคุกคามความมั่นคงของรัฐ การห้ามที่ไม่มีเหตุผลชัดเจนจึงยิ่งเป็นการสุมไฟให้เด็กออกมารวมตัวเรียกร้องมากขึ้น

ส.ส.น้ำ

ดีใจคนรุ่นใหม่ตระหนักปัญหาจากรัฐประหาร

จิราพร กล่าวอีกว่า การชุมนุมลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก มีมาตั้งแต่ในอดีต ความขัดแย้งเดิมก็ยังอยู่และมีการพัฒนามาเป็นความขัดแย้งใหม่ ครั้งนี้นำโดยนักเรียน นักศึกษา สะท้อนการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเมืองแบบใหม่ในเสรีประชาธิปไตย กับกลุ่มอนุรักษนิยมที่ต้องการจะรักษาอำนาจของตัวเองไว้ และความพิเศษคือสื่อโซเชียลมีเดียมีผลต่อความคิดของนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ได้ถูกตีกรอบความคิดจากตำราที่หยิบยื่นให้ แต่เขาสามารถหาความรู้ได้ด้วยตัวเอง จึงไม่สามารถปิดหูปิดตา หรือบังคับใครได้ ทุกคนมีอิสระที่จะเรียนรู้

"อย่าประเมินความคิด ความเห็น ความเข้าใจของคนรุ่นใหม่ต่ำจนเกินไป วันนี้เขามีกระบวนการเรียนรู้ของเขาที่แทบจะเท่ากับผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับปัญหาที่เขาเสนอมา ไม่ใช่คิดว่าเขาเป็นเด็ก แต่ให้ความสำคัญกับเขาในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่จะเป็นอนาคตของประเทศ" จิราพร กล่าว

ในตอนท้าย จิราพร กล่าวว่า หลายฝ่ายเอาใจช่วยการออกมาเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษา เราเห็นปัญหาของประเทศ 5-6 ปีและเป็นผลพวงมาจากการทำรัฐประหารสะสมมาจนถึงทุกวันนี้ คณะดีใจที่มีคนรุ่นใหม่ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของประชาธิปไตยและอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ ขอให้เยาวชนรักษาการเคลื่อนไหวอย่างสงบนี้ไว้ และวันหนึ่งเราจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้