วันที่ 29 พ.ค. 2566 ที่ประเทศอังกฤษ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องกระแสดีลลับ หลังมีผู้ปล่อยภาพที่เขานั้นเจอกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ สหราชอาณาจัก ว่า ตนนัดอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ไว้หลายเดือนแล้ว จริงๆ พอทราบว่านัดสุดท้ายของเลสเตอร์ซิตี้ กับเวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ประเทศอังกฤษ จะแข่งวันที่ 28 พ.ค. จึงมาล่วงหน้าก่อน 2 วัน โดยนอกจากตนและอนุทิน ก็มีผู้ที่เดินทางมาและพบเจอกันด้วย อาทิ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เพราะวิชัย ศรีวัฒนประภา บิดาของนายอัยยวัฒน์ เป็นคนมีเพื่อนเยอะ ก่อนหน้านั้นที่จะได้แชมป์ตนเองก็มาให้กำลังใจตลอด อีกทั้งตนเองเป็นคนชอบฟุตบอลและรู้ว่าอัยยวัฒน์ต้องการแรงสนับสนุน อีกทั้งการแข่งขันครั้งนี้ต้องลุ้นมาก คนจึงมาให้กำลังใจเยอะ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ทีมก็ร่วงไป
โดยพอเดินทางมาถึงสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ สหราชอาณาจักร ได้มีการทานข้าวกัน ซึ่งอัยยวัฒน์ก็ได้จัดให้ตนเองนั่งโต๊ะผู้ใหญ่ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.ต.อ.วิสนุ หม่อมหลวงบวรนวเทพ เทวกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ของบริษัทแอร์เอเชีย โดยตนเองนั่งข้างอัยยวัฒน์ ซึ่งมีอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งอยู่ก่อนแล้ว จึงสวัสดีกัน นายอนุทินได้ทัก “อ้าว พี่ไม่ได้อยู่จัดการ MOU กับเขาเหรอ” ตนก็ตอบไปว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เพราะทำเรื่องพรรคอย่างเดียว ก็จบแค่นั้น อนุทิน จึงถามต่อว่า กลับเมื่อไหร่ และอยู่ถึงเมื่อไหร่ จากนั้นอนุทินก็บอกว่าเดินทางไปฮ่องกง และต่อด้วยประชุมที่เจนีวามา จึงบินเข้ามาที่อังกฤษ โดยมากับภรรยา (คุณจ๋า) คาดว่าจะกลับวันพุธ พฤหัสฯ นี้ เรื่องก็มีแค่นั้น จากนั้นที่เหลือก็คุยเรื่องฟุตบอลกัน
เมื่อถามถึงรูปภาพที่ร่วมเฟรมกันในสนาม เศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ถ่ายกัน 2 คน มีการเดินกันไปกันมา โดยตนเองนั่งอีกฝั่งกับครอบครัวอัยยวัฒน์ และพล.ต.อ.วิสนุ ส่วนนายอนุทิน นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แค่นั้นเอง แล้วอนุทินก็เดินขึ้นมาแต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนถ่าย โดยรูปที่ออกไปเป็นช่วงก่อนการแข่งขัน
“ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นธรรมดา ผมเองรู้จักคุณหนูมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ได้คุยเรื่องหาเสียง กัญชา เรื่องเลือกหนูได้ตู่ ไม่ได้คุยเลย ไม่ได้มีการปีนเส้นเลย ผมก็ไม่ได้ถามเรื่องไปฟ้องร้องผมไปถึงไหนแล้วอะไรยังไง ไม่ได้คุยเลย ก็ว่าให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมไป ไม่ได้มีอะไร ใครถ่ายก็ถ่ายไป ผมมานี่ก็ไม่ได้ปิดบัง ผมมานี่ทุกคนก็รู้ คุณณัฐวุฒิ คุณหนุ่มเมืองจันท์ก็รู้ เพราะคุยเรื่องฟุตบอลกัน ใครๆ ก็รู้หมด เพื่อนๆ สนิทก็รู้หมด ว่าผมชอบฟุตบอล ธรรมดาแล้วผมมาดูทุกเดือน”
เศรษฐา กล่าวต่อว่า พอแข่งขันเสร็จก็มานั่งทานกาแฟกันข้างใน ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ไม่มีดีลลับ เพราะไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 และภารกิจที่ถูกมอบหมายจากพรรคเพื่อไทยคือมาดูแลภายในพรรค มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ว่าองค์กรปัจจุบันเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีหรือไม่อย่างไร รวมถึงเรื่องประธานสภาด้วย
“ใครจะไปที่สิงคโปร์ผมก็ไม่ได้รู้ด้วย ผมเองก็ไม่ได้คุยกับคุณทักษิณในเรื่องเหล่านี้ กับน้องอิ๊งค์ผมคุยตลอด จะคุยเรื่องบริหารจัดการภายในพรรคอย่างเดียว เมื่อวานนี้ระหว่างนั่งรถไปเลสเตอร์ เราก็คุยกัน ว่ากลับไป จะไปบริหารจัดการพรรคอย่างไร การสื่อสาร เรื่องการเมือง เรื่องคณะกรรมการสิทธิ คณะกรรมการต่างประเทศ ว่าใครเหมาะสม ไม่ได้คุยเรื่องรัฐมนตรี การจัดตั้งรัฐบาล เรื่องดีลข้ามขั้ว ไม่ได้คุยเรื่องดีลลับเลย”
เมื่อถามว่า เรื่องดีลลับไม่ใช่หน้าที่ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่าไม่ได้ถูกมอบหมายให้มาคุย แล้วก็ก่อนที่จะมาดูฟุตบอล อัยยวัฒน์ ได้ส่งข้อความมาว่านายอนุทินมาด้วยนะก่อน 2 ชั่วโมง ตนเองก็บอกว่าได้ และตนเองก็บอก แพทองธาร ชินวัตร อีกหนึ่งแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ไปเช่นเดียวกันว่า อนุทินมาด้วย ไม่ได้นัดกัน
“ผมก็รายงานไป เพราะคุยกับน้องอิ๊งค์ตลอดเวลา เพราะตำแหน่งหน้าที่ผมคือ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ผมจะทำอะไรผมก็บอก จะไปไหนผมก็บอกตลอด ผมเปิดเผย ไม่ใช่ว่าเราอายุมากกว่าแล้วไม่จำเป็นต้องบอก ไม่ใช่ผม ผมทำตามขั้นตอนการทำาน ผมบริหารจัดการบริษัท ผมให้เกียรติคนที่ทำงานด้วยตลอดเวลา คือต้องได้ยินจากผมก่อน ไม่ใช่ได้ยินจากที่อื่น ซึ่งผมก็สบายใจ ว่าเรื่องนี้ได้มีการถูกเปิดเผยขึ้นมา เสร็จแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับรถคนละคัน”
เศรษฐา กล่าวต่อว่า ถ้าหากคนอยากมีใจเป็นธรรม ถ้าหากอยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น หรือจะเชื่อในคำอธิบายผมก็คงมีธงอยู่แล้ว เพราะตนเองเป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา เพราะตนเองไม่เคยรู้เรื่อง เรื่องดีลลับ หรือคุยกับ ส.ว. เพราะตนเองดูอย่างเดียวว่าที่เพื่อไทยแพ้ แพ้เพราะอะไร มีอะไรตรงไหนที่พอจะมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามว่าส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทยมากหรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า ไม่แน่ใจ เพราะเป็นเรื่องบังเอิญ และตัวตนตนเองชัดเจนอยู่แล้วเรื่องฟุตบอล จึงไม่เป็นห่วง และคนในพรรคเพื่อไทยก็รู้อยู่แล้วว่าตนเองมีหน้าที่อะไร
“คุณหมอ พี่ประเสริฐ พี่อ้วนก็รู้ ว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เพียงแต่ว่าโลกมันแคบ ครอบครัวผม และคุณวิชัยเป็นครอบครัวที่มีคนรักเยอะ คุณอนุทินก็เป็นคนหนึ่ง ซึ่งรักชอบพอกันดีกับคุณวิชัย ช่วงเวลาอย่างนี้คุณอนุทินก็มาเป็นกำลังใจให้สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ มาหวังว่าเรื่องดีๆ จะเกิดขึ้น คือเราชนะ และอีกทีมแพ้หรือเสมอ มาเป็นกำลังใจให้แค่นั้นเอง ไม่มีจุดประสงค์ใดๆ ทั้งสิ้น” เศรษฐา กล่าว