นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ เตรียมส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมประชันนโยบายหรือดีเบตกับพรรคการเมืองต่างๆ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีหากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าร่วมในวงดีเบต เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้น เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารของทุกพรรคการเมืองก่อนจะตัดสินใจเลือกว่า จะให้ใครหรือพรรคไหนเข้ามาบริหารประเทศ

นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่ออีกว่า การพูดคุยในเวทีดีเบต เป็นการพูดคุยในเรื่องที่ประชาชนต้องการฟัง ต่างจากการพูดประจำในคืนวันศุกร์ ที่เป็นการพูดในเรื่องที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนฟัง ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ จะเข้ามาตอบข้อสงสัยต่อสาธารณะ ทั้งในเรื่องคุณสมบัติ การควบบทบาทที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในขณะที่ต้องลงแข่งขันทางการเมืองด้วย

ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตลาดหลังโลตัสพระราม 4 เพื่อพบปะประชาชนและรณรงค์ให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม นี้ โดยนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ต่อกรณีที่มีเสียงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมเวทีดีเบตว่า ต้องการให้เวทีดีเบตของไทยเป็นมาตรฐานเหมือนอย่างในต่างประเทศ ที่มีการส่งเสริมให้คนที่อาสามาทำงานให้ประชาชนได้พูดคุยกันในรูปแบบที่สร้างสรรค์ ซึ่งตนเองดีใจที่พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยว่าควรจะมีเวทีดีเบต

ทั้งนี้ มองว่าการที่นักการเมืองสื่อสารข้างเดียวนั้น ประชาชนจะไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วนและไม่ได้ตอบคำถามหลายอย่าง ทำให้ประชาชนไม่มีการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบหรือหักล้างกัน ยกตัวอย่างในอดีตที่นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยได้เข้าร่วมประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่ค่อยได้ตอบกระทู้อย่างที่ควรจะเป็น

ส่วนเวทีดีเบตที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จัดอยู่ในขณะนี้เห็นว่ามีปัญหา ซึ่งเท่าที่รับทราบคือมีการจับคู่โดยดีเบตไม่ได้เดินทางมาพร้อมกัน ซึ่งตนเองคู่กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งควรพยายามผลักดันให้เป็นเวทีที่เป็นมาตรฐานสากล

ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณีที่สังคมรอความชัดเจน และคอยจับตาการดีเบตของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์มาดีเบตเช่นเดียวกับตัวแทนพรรคการเมืองคนอื่นๆ ก็เป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาพูดคนเดียวตลอด ทั้งไม่ฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่น และเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นจะเป็นจุดอ่อนของ พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งจะทำให้ตกที่นั่งลำบากในการดีเบตด้วย หากพลเอกประยุทธ มาร่วมเวทีดีเบต แล้วถูกคนอื่นวิจารณ์, ถูกต้อนกลางเวทีหรือระหว่างการออกอากาศทางโทรทัศน์ ก็ขออย่าได้เอาผิด กลั่นแกล้งหรือใช้อำนาจเล่นงานนักการเมืองที่วิจารณ์หรือช่องรายการที่จัดเวทีดีเบต

ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ยังเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจ งดใช้อำนาจตามมาตรา 44 และคำสั่ง คสช.ต่างๆที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจค้นหรือดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายความมั่นคงและอื่นๆ ตลอดจนการแทรกแซงสื่อสารมวลชน ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีและเป็นธรรม

ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งจากการเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง นอกเหนือไปจากมี ส.ว. 250 คนที่แต่งตั้งไว้แล้ว จะทำให้ไม่มีความชอบธรรมในการนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, สังคมและต่างชาติไม่ยอมรับซึ่งจะไม่มีทางแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศได้