วันที่ 31 ต.ค. ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล เบญจา แสงจันทร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มี สส.ของพรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ โดยระบุว่า ขณะนี้ทั้งสองกรณีที่อาจเข้าข่ายคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ ทางกรรมการวินัยของพรรคก้าวไกลในการสืบหาและรายงานข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมของกรรมการบริหารพรรคเรียบร้อยแล้ว
โดยได้ข้อสรุปและมีมติให้มีการนัดหมายการประชุมสส. ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 1 พ.ย. เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ที่รัฐสภา โดยจะมีพิจารณาบทลงโทษ และมติของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกรรมการวินัย
เบญจา กล่าวต่อไปว่า สำหรับการลงโทษและวินิจฉัยในกรณีนี้ พรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่นิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะมีบทลงโทษการผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค พร้อมย้ำว่า ต้องเป็นมติร่วมกันของกรรมการบริหาร กรรมการวินัย และ สส.ของพรรค
ทั้งนี้ บทลงโทษการผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ 1) การตัดสิทธิที่พึงมี 2) การขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าหากต้องเสียนิ้ว หรือเสียสส. เพิ่มอีกจะรับได้หรือไม่ เบญจา กล่าวว่า พูดในนามส่วนตัวไม่ได้ วันนี้พูดในนามพรรค เวลาพูดว่าจะต้องเสียนิ้ว หรือเสียบุคลากรของพรรคไป ก็ต้องย้อนกลับไปดูข้อเท็จจริง ซึ่งเรายืนยันเสมอว่า กรณีที่เข้าข่ายการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ พรรคให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ให้คุณค่า มีอุดมการณ์หลักที่ต้องยึดถือในเรื่องนี้ร่วมกัน
“เราจะพูดถึงเฉพาะตัวบุคคลไม่ได้ เราต้องการพูดถึงเรื่องนี้ในระดับที่ต้องยกระดับความเข้าใจของสังคมให้มีเสมอกันและเท่ากัน และต้องการยกระดับการเมืองไทยให้เพิ่มขึ้นกว่านี้” เบญจา กล่าว
เบญจา กล่าวต่อว่า ถ้าเราต้องเสียบุคลากรที่สำคัญไป เราจะเสียดายหรือไม่นั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ที่ต้องยึดตามข้อเท็จจริง ไม่ได้มีอคติแต่อย่างใด ส่วนหากเกิดกรณีลักษณะคล้ายกันเช่นนี้อีก จะมีบรรทัดฐานของพรรคใช่หรือไม่ เบญจา กล่าวยืนยันว่า เรามีมาตรฐานในการกำหนดบทลงโทษตามข้อบังคับที่ชัดเจนของพรรคอยู่แล้ว
“เราไม่มีวัฒนธรรมในการปกปิดความผิดใดๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราค่อนข้างระมัดระวังกับเรื่องนี้ เพราะการที่เราจะลงโทษคนใดคนหนึ่ง โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริง เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมาก เหมือนเป็นอนาคต ความรับผิดชอบ และหน้าที่ของเขาในการเป็นผู้แทนราษฏรด้วย” เบญจา กล่าว
เบญจา กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกันกับกรณีของผู้ร้อง เราต้องระมัดระวัง ปกป้อง และแสดงความห่วงใยกับสิ่งที่อาจกระทบกับผู้ร้องเอง ดังนั้น ในทุกๆ การพิจารณาที่เราใช้เวลาพอสมควรนี้ เรามีความจำเป็นต้องรอบคอบอย่างมาก ทั้งในการตัดสิน และพูดถึงเรื่องนี้
เมื่อถามว่า หากมีมติให้ขับ สส. ออกจากพรรค พร้อมที่จะยอมรับ และไม่กังวลในจำนวนของสส. ที่ลดลงใช่หรือไม่ เบญจา กล่าวว่า จำนวน สส. ไม่ได้พิสูจน์ เราจะยืนหยัด ให้คุณค่า หรืออุดมการณ์กับเรื่องนี้อย่างไร หากที่ประชุมมีมติเดียวกันว่า สมควรให้ลงโทษทางวินัยร้ายแรงโดยการขับออกจากพรรคนั้น เราก็น้อมรับ