เวลา 11.00 น. ที่พรรคก้าวไกล ตัวแทนเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร และกลุ่มสีดาไม่ทน พร้อมด้วย นิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ และ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลเปิดเผยรายชื่อ สส.ที่ไม่ร่วมประชุม และ สส. ที่โหวตให้ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ไม่ถูกขับออกจากพรรค หลังมีข้อร้องเรียนเรื่องคุกคามทางเพศ โดยในวันนี้ เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ เป็นผู้รับหนังสือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนทำกิจกรรม ผู้จัดได้นำรถขยายเสียงมาจอดฝั่งตรงข้ามที่ทำการพรรค พร้อมเปิดเพลง “เจ็บนี้รสปูอัด” ของศิลปิน ไจแอ้นท์
จากนั้น แทนคุณ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นความตั้งใจที่อดทนไม่ไหว เพราะตนได้มีโอกาสดูแลคนในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด จึงเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิง และหากผู้หญิงถูกกระทำจากผู้ชาย ยิ่งรู้สึกว่า เป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้ และซ้ำร้ายกว่านั้น สิ่งที่เสมือนว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายจากการติดตามการกระทำของพรรคก้าวไกลเรื่องการคุกคามทางเพศ คือการที่พรรคก้าวไกล โดย สส. คนอื่นได้ไปกล่าวหาเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรเป็น io ของกองทัพฝั่งตรงข้าม
ตนรู้สึกว่า การคุกคามแบบนี้เป็นการเหยียบซ้ำผู้เสียหายที่ได้ใช้ความกล้าใหญ่ที่สุดในชีวิต เพื่อเรียกร้องการช่วยเหลือการสนับสนุนให้เขาได้ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อสิทธิเสรีภาพบนเนื้อตัวร่างกาย สิทธิมนุษยชนที่เขาพึงมี เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พรรคก้าวไกลได้เคยพูดเรื่องนี้ ซึ่งผู้คุกคามไม่ใช่สมาชิกปกติของพรรคก้าวไกล แต่กลับเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามของพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลมีความสำนึกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคนของตัวเองหรือไม่ ขอเฝ้าดูบรรดาเครือข่ายแฟนด้อมของพรรคก้าวไกลว่าจะมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างไร
แทนคุณ ได้ยกตัวอย่างพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อมีกรณีคุกคามทางเพศ ผู้บริหารพรรคก็ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ตนจึงออกมาเคลื่อนไหวแบบการเมืองภาคประชาชน แบบตรงไปตรงมาที่พรรคก้าวไกลพยายามบอกคนอื่นไว้
“สิ่งที่ชัดเจน คือ มติที่ประชุมของพรรคก้าวไกลเป็นการคุกคามซ้ำ ไม่ใช่คุกคามทางเพศอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นการคุกคามประเทศ เป็นการคุกคามศรัทธาต่อระบบการเมืองแบบใหม่อที่มีประชาชนจำนวน 14 ล้านเสียงมอบให้กับพรรคก้าวไกล มติพรรคสะท้อนให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่เคยให้ความสำคัญกับหัวใจของประชาชนอย่างแท้จริง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองอย่างที่ไม่ได้ต่างอะไรจากนักการเมืองเลว” แทนคุณ กล่าว
แทนคุณ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนอยู่ 3 เรื่อง คือ
1. การใช้พวกมากลากไป สายสัมพันธ์ คอนเนคชั่น เรื่องความรู้สึกส่วนตัวมากลบเกลื่อนปิดบังกดทับกดขี่ความเสียหายที่เกิดขึ้น เหมือนที่บอกว่าเสียงส่วนใหญ่สะท้อนความต้องการได้ แต่ไม่สะท้อนความถูกต้อง และพรรคก้าวไกลได้กดขี่ข่มเหงประชาชนที่เคยรักเคยศรัทธาพรรคก้าวไกลด้วยกันออกมาเรียบร้อยแล้ว
2.การกระทำผิด สะท้อนชัดว่า ไม่มีสำนึกรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ในสถานะของนักการเมือง ไม่ใช่ในสถานะของ สส. แต่ไม่มีสำนึกแม้กระทั่งในสถานะของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน เพราะทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ ทำอะไรลงไปกับผู้ที่เสียหาย กว่าเขาจะยืนหยัด กว่าเขาจะมีพลังมากพอที่จะเรียกร้องการกระทำที่เขาโดนกระทำ เจ็บปวดขนาดไหน มาเรียกร้องขอความเป็นธรรม มาเรียกร้องขอความช่วยเหลือ เป็นเสียงตะโกนที่มาจากหัวใจที่เจ็บปวดของพวกเขาจริงๆ แต่กลับถูกกระทำย่ำยีซ้ำด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล จะด้วยเหตุผลอะไรต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตราบาปของพรรคก้าวไกลไปตลอดชีวิตและประวัติศาสตร์ของชาติไทย
3.หลังจากนี้ ไม่ว่า สส. ที่กระทำการละเมิดทางเพศจะย้ายไปอยู่พรรคไหนก็ตาม พวกเราจะไปยื่นหนังสือให้ถูกที่ เพื่อให้ไม่มีพรรคไหนรับ จนกว่าจะสิ้นสมาชิกภาพความเป็น สส.
ทั้งนี้ ตนอยากจะเรียกร้องไปยังผู้บริหารพรรคก้าวไกล สส.ที่ยังมีสำนึกอยู่บ้าง ได้กลับมาทบทวนมติใหม่ และอย่าอ้างระเบียบจะอ้างข้อกฎหมาย เพราะไม่มีมติใดที่จะกลบเกลื่อนการกดขี่”
ด้าน เค สามถุยส์ กล่าวว่า วันนี้ตนจะพาทศกามออกจากกรุงโลกีย์ เมื่อวานนี้ตนเห็นมติพรรคก้าวไกลออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่ในพฤติกรรมที่มีความเหมือนกันนั้น สส.ปราจีนบุรี ถูกขับออกจากพรรค แต่ สส.ไชยามพวาน กลับถูกแค่ภาคทัณฑ์ ขอถามว่าพรรคก้าวไกลมีมาตรฐานการตัดสินอยู่ตรงไหน
นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามว่า สส. 22 คนที่โหวตเห็นด้วยกับคุกคามประชาชน คุณเป็นตัวแทนของประชาชนได้อย่างไร ขอฝากถึง ไชยามพวาน ที่บอกว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเป็นเพราะคุณเมา แสดงว่ามาตรฐานของพรรคก้าวไกลต่อไปนี้ ถ้าเมา สามารถล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงคนไหนก็ได้หรือไม่ ถ้าเมาแล้วจะคุกคามประชาชน แนะนำว่าอย่าไปกินเหล้า ให้ไปกินขี้แทน
ด้าน เบญจา กล่าวหลังรับหนังสือจากผู้ทำกิจกรรมว่า กรณีของ ไชยามพวาน พรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือถึงเจ้าตัวแจ้งให้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีเงื่อนไขว่า
1. แถลงยอมรับผิดและขอโทษต่อสาธารณชน รวมถึงผู้เสียหายทั้ง 3 รายอย่างจริงใจ และต้องดำเนินการเรื่องนี้ภายในวันที่ 4 พ.ย.
2. ชดเชยเยียวยาความเสียหายต่อผู้เสียหายทั้งหมด โดยต้องแจ้งหลักฐานการดำเนินการเยียวยาความเสียหายต่อคณะกรรมการบริหารพรรคด้วย
3. ยุติการก่อความเสียหายเพิ่มเติมต่อผู้เสียหายทั้ง 3 ราย
4. ยุติการกระทำอันเป็นการล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ หรือกระทำการขัดหรือแย้งต่ออุดมการณ์และข้อบังคับพรรค ต่อบุคคลอื่นใด ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกพรรค ตลอดสมัยการเป็น สส.
ทั้งนี้ ทางพรรคต้องให้การคุ้มครองและเยียวยาผู้เสียหายร่วมด้วย
หลังจากนี้ หาก ไชยามพวาน ไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด เบญจา บอกว่า พรรคก้าวไกลจะนัดประชุมร่วมระหว่างสมาชิกและคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง เพื่อพิจารณาบทลงโทษร้ายแรง ก็คือการถอดถอนจากสมาชิกภาพพรรคต่อไป ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ส่วนการเปิดเผย 22 รายชื่อ สส. นั้น เบญจา ชี้แจงว่า ตามข้อบังคับพรรค การประชุมร่วมฯ ถือเป็นการประชุมลับ และแม้ในที่ประชุมจะมีการยกมือลงมติกัน แต่ตนในฐานะกรรมการบริหารพรรคก็เคารพในการตัดสินใจของทุกคน พร้อมยืนยันว่า สมาชิกทุกคนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความผิดร้ายแรง ยอมรับไม่ได้ เพียงแต่ว่าข้อเท็จจริงใน 2 กรณี อาจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องความร้ายแรงของโทษที่ได้รับ
ดังนั้น ในส่วนของเพื่อนสมาชิก 22 คน เมื่อพิจารณาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ปรากฏ จึงอาจรู้สึกว่า ไม่สมควรลงโทษถึงขั้นขับออกจากสมาชิกพรรค
ถามว่าเพราะเหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่สามารถเปิดเผยผลการลงมติของที่ประชุมร่วมฯ พรรคได้เหมือนที่ประชุมสภาฯ เบญจา กล่าวยืนยันว่า บันทึกรายงานการประชุมสภาฯ ที่มีการลงมติต่างๆ นั้น ได้มีการเปิดเผยตามช่องทางต่างๆของสภาฯ อยู่แล้ว การเปิดเผยรายละเอียดจึงแตกต่างจากการประชุมร่วมฯ ของพรรค
เบญจา ย้ำด้วยว่า พรรคพร้อมดูแลผู้เสียหาย โดยในกรณี สส.ปราจีนบุรี พรรคพร้อมช่วยเหลือผู้เสียหายในเรื่องคดี ส่วนกรณี ไชยามพวาน พรรคพร้อมคุ้มครองเยียวยาผู้เสียหาย ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงเสียใจ ย้ำการพิจารณา ไม่มีตั๋วไอติม ไม่มีพวกมากลากไป
จากนั้น เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ของกลุ่มสีดา ผูกริ๊บบิ้นขาวที่มือ แล้วชี้ไปที่พรรคก้าวไกล