เวลาประมาณ 09.15 น. วันที่ 4 ก.ค. 2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าประชุมกับคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ 'เบญจกิติ กับสวนลุมพินี' ครั้งที่ 1/2565
โดยชัชชาติ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้เป็นการประชุมทางเชื่อมสวนเบญจกิติ และสวนลุมพินี ผู้สื่อข่าวถามว่า มีประเด็นเรื่องส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ เพราะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่จากทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาร่วมด้วย ชัชชาติ ตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน ก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่อาคารต่อไป
เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าสู่ห้องประชุมโดยใช้ทางเชื่อมจากตึกไทยคู่ฟ้า สู่ตึกภักดีบดินทร์ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ชี้มีแผนปรับปรุงทางเชื่อม 'สวนเบญจกิติ-สวนลุมฯ' ตีกรอบวงเงินไม่เกิน 500 ล้าน
เวลา 10.30 น. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมหารือกับคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ "เบญจกิติ กับสวนลุมพินี" ครั้งที่ 1/2565 โดยระบุว่า ในการประชุมวันนี้ ส่วนที่ กทม.ต้องรับผิดชอบคือ สะพานเขียวที่เชื่อมสวนลุมพินีกับสวนเบญจกิติ ซึ่งสภาพมีปัญหาคือความลาดชัน คนแก่ใช้งานไม่ได้ ซึ่งกทม.มีงบ 260 ล้าน และจะใช้เวลาในการปรับปรุงประมาณ 1 ปี อีกทั้งทางเชื่อมบริเวณสุขุมวิท 10 ที่เป็นสะพานไม้ คนเดินได้ แต่รถเดินไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ กทม.ต้องรับผิดชอบอีกอัน
ชัชชาติ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าเป็นโครงการใหญ่ที่ไปเชื่อมโยงกับการปรับปรุงสวนลุมพินี ซึ่งผู้บริหารรุ่นก่อนมีการทำโครงการสวนลุมพินี จำนวน 1,800 ล้านบาท และเราต้องมาเอามาทบทวน ถ้าเอาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้อง การเชื่อมโยงระหว่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ ไปดูกรอบวงเงินคงไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยจะมีการปรับทางลงบริเวณสะพานเขียว ถึงมีการปรับทางเดินวิ่งรอบสวนลุมพินี และทำห้องน้ำใหม่ โดยจะเลือกทำเฉพาะส่วนที่จำเป็น
ส่วนที่เป็นปัญหาคือ คลองไผ่สิงโต ตัดผ่านสะพานเขียว และพบว่ามีน้ำเน่าเหม็น โดยกทม.ก็ต้องดูแลรับผิดชอบการปรับสภาพคลองไผ่สิงโต และอาจเชื่อมโยงมาถึงคลองสาทร ซึ่งเป็นโครงการที่นำเสนอแก่นายกรัฐมนตรี แต่ทางนายกฯ คงให้ไปปรับงบให้ชัดเจนและค่อยนำมาเสนออีกครั้งหนึ่ง
ชัชชาติ เสริมว่า การประชุมในวันนี้ กรรมการบริหารเน้นเฉพาะสวนสองส่วนนี้ก่อน แต่อาจจะเชื่อมโยงกับสวนอื่นๆ รอบกทม. โดยใช้เป็นทางฟุตบาท ส่วนเรื่องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว นายกฯ ได้มีการพูดถึง และให้ข้อเสนอในการปลูกพันธุ์ไม้สลับกันเพื่อเพิ่มความเขียวชอุ่มทั้งปี
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นความคืบหน้าส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ชัชชาติ กล่าวว่า ตอนนี้คืบหน้าไปได้ด้วยดี รับทราบประเด็นปัญหาระหว่าง กรุงเทพธนาคม และเอกชน ซึ่งต้องไปเจรจาอีกทีว่าเดินรถได้มากน้อยแค่ไหน ส่วน กทม.ก็ต้องดูเรื่องหนี้เป็นหลัก หนี้ กทม.กับรัฐไม่ค่อยกังวล เพราะอยู่ในกระเป๋าซ้ายหรือขวา หนี้ติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) หนี้เรื่องค่าเดินรถ
ยันเปิดสัญญาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสีเขียว ใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารเผย
ชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วนต่อขยายที่ 2 ต้องไปดูว่า สัญญานั้นมีกระบวนการครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบ ก็ต้องทำให้ครบ ก่อนจะเริ่มจ่ายหนี้ ซึ่งตรงไปตรงมา และสัญญาส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2572-2585 ก็อยากจะเปิดเผยให้ประชาชนรู้ เพราะในสัญญาระบุว่าห้ามเปิดเผย ยกเว้นกฎหมายบังคับ โดยจะใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ในการเปิดเผย เพราะองค์กรผู้บริโภคขอมา และประชาชนเป็นเจ้าของเงินที่จ่ายภาษีให้เรา
โดยตัวเลขทั้งหมดทาง กทม.สรุปหมดแล้ว ค่าใช้จ่ายในการจ้างเดินรถ จะกลายเป็นค่าโดยสาร เพราะต้องเก็บค่าโดยสารให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่สัญญากับเอกชนไว้
"ค่าโดยสาร 20-30 บาท นั้นมันขึ้นอยู่กับว่า เราต้องจ่ายเท่าไหร่ ส่วนเรื่องเวลามีเรื่องเดียวคือ เรื่องหนี้ เพราะดอกเบี้ยมันเดินอยู่ ส่วนเรื่องทราบอกว่าหนักใจนั้น เพราะภาระจะตกที่ประชาชน" ชัชชาติ กล่าว
ส่วนกรณีที่ ชัยวุฒิ ธนาคมนานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า รัฐบาลประชาสัมพันธ์ไม่เก่งเท่าผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ กล่าวว่า รัฐบาลมีการสื่อสารที่ดี ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นประเด็น หากทำควบคู่กันไป เราก็ยิ่งทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น