ภายหลังการก่อการกบฏในช่วงเวลาสั้นๆ กลุ่มกบฏวากเนอร์ได้ยุติการเคลื่อนกองกำลังมายังกรุงมอสโก พร้อมทั้งถอยทัพออกจากเมืองรอสตอฟในทางตอนใต้ของรัสเซีย ก่อนมุ่งหน้ากลับไปยังฐานทัพเมื่อค่ำวันเสาร์ (24 มิ.ย.) ภายใต้ข้อตกลงที่รับประกันความปลอดภัยของ เยฟเกนี ปริโกชิน หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ ที่จะลี้ภัยไปยังเบลารุส ภายใต้ข้อตกลงที่มี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุสเป็นตัวกลาง
หลังจากความวุ่นวาย ทางการรัสเซียได้ประกาศให้วันจันทร์นี้ (26 มิ.ย.) เป็นวันหยุดในกรุงมอสโก เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ อีกทั้งยังมีการสังเกตว่า ทางการรัสเซียได้มีการเพิ่มความปลอดภัยภายในเมืองหลวงของรัสเซียเมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) ด้วย
สำนักข่าว RIA ของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของความโกรธแค้นของปริโกชิน ได้เดินทางไปเยือนกองทัพรัสเซียกำลังทำปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ในขณะที่ปูตินยังคงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะ นับตั้งแต่เหตุการณ์กบฏของวากเนอร์
ความสับสนในเหตุการณ์ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำให้รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก ทั้งที่เป็นพันธมิตรและไม่ใช่พันธมิตรของรัสเซีย พยายามครุ่นคิดหาคำตอบว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในรัสเซีย
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าความโกลาหลที่เกิดขึ้นอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะคลี่คลายได้ “เราเห็นรอยร้าวที่มากขึ้นภายในรัสเซีย” บลิงเคนกล่าวกับรายการ Meet the Press ของ NBC ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
อังเดร รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้เข้าร่วมการเจรจาในกรุงปักกิ่งเกี่ยวกับ ประเด็นระหว่างประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการเยือนประเทศพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดประเทศหนึ่งของรัสเซียอย่างจีนในครั้งนี้ จะเป็นผลจากเหตุการณ์การก่อกบฏของกลุ่มวากเนอร์หรือไม่
ท่าทีของทางการจีนถูกจับตามองและประเมินเป็นพิเศษ โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์รับรองการสนับสนุนความพยายามของรัสเซียในการรักษาเสถียรภาพของชาติ และได้กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนั้นว่าเป็น “กิจการภายใน” ของรัสเซีย
โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้หารือผ่านทางโทรศัพท์กับ โจ ไบเดน ประธานาธิดีสหรัฐฯ และ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เกี่ยวกับเหตุการณ์ในรัสเซีย โดยทั้งไบเดนและทรูโดต่างแสดงการสนับสนุนแก่ยูเครน ในการดำเนินการตอบโต้เพื่อกอบกู้ดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครองมาอย่างต่อเนื่อง
เซเลนสกีกล่าวบนทวิตเตอร์ว่า “ทั่วโลกต้องกดดันรัสเซียจนกว่าระเบียบระหว่างประเทศจะถูกนำกลับคืนมา”
ทั้งนี้ มีบทสัมภาษณ์ของปูตินที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถูกบันทึกไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์จลาจล โดยปูตินกล่าวว่า เขาให้ความสำคัญสูงสุดต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน
สถานีโทรทัศน์ของรัฐรายงานว่า ปูตินจะเข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงรัสเซียในสัปดาห์นี้ โดยสำนักข่าวเบลตาของเบลารุสได้ระบุว่า ปูตินและลูคาเชนโกได้มีการพูดคุยกันอีกครั้งในวันอาทิตย์ หลังจากได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์อย่างน้อย 2 ครั้งเมื่อวันเสาร์
ในการปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อวันเสาร์ ปูตินกล่าวว่าการก่อกบฏในครั้งนี้ทำให้รัสเซียตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคาม พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าเขาจะลงโทษผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อกบฏ พร้อมกล่าวว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ความโกลาหลในปี 2460 ที่นำไปสู่การปฏิวัติบอลเชวิค
หนังสือพิมพ์อิตาลี อิล เมสซาจเจโร ได้รายงานอ้างถึงคำพูดของ อันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ตำนานความเป็นหนึ่งเดียวของรัสเซียภายใต้ปูตินได้สิ้นสุดลงแล้ว… มันเป็นผลลัพธ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อคุณให้การสนับสนุนและให้จัดหาเงินทุนให้แก่กองทหารรับจ้าง”
ภายใต้ข้อตกลงที่มีการเจรจาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่าคดีอาญาต่อปริโกชินในข้อหากบฏติดอาวุธจะถูกระงับ ทั้งนี้ ปริโกชินได้ลี้ภัยไปยังเบลารุส และกลุ่มทหารวากเนอร์ที่รวมกำลังการก่อความไม่สงบจะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ เพื่อเห็นแก่การที่พวกเขาเคยทำงานรับใช้รัสเซียมาก่อน
ปริโกชินถูกพบเห็นขณะเดินทางออกจากบัญชาการทหารประจำเขตในเมืองรอสตอฟ เมื่อช่วงสายของวันเสาร์และยังไม่มีใครทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ ปริโกชินเป็นอดีตพันธมิตรของปูติน และอดีตนักโทษที่มีกองกำลังที่เคยเข้าร่วมสงคราม 16 เดือนในยูเครน ซึ่งนับเป็นการสู้รบที่มีการนองเลือดมากที่สุดครั้งหนึ่ง ได้กล่าวว่าการตัดสินใจของเขาในการบุกมอสโกในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อกำจัดผู้บัญชาการรัสเซียที่นำสงครามไปสู่ความเพลี่ยงพล้ำ
ในเดือน มิ.ย. ปริโกชินได้ฝ่าฝืนคำสั่งที่ระบุให้กองทหารของเขาเข้ามาอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย โดยเขาเริ่มก่อการกบฏเมื่อวันศุกร์ ภายหลังการกล่าวหาว่ามีคนของเขาถูกสังหารโดยทหารจากการโจมตีทางอากาศโดยกองทัพรัสเซีย ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้
กำลังพลของกลุ่มวากเนอร์ในยูเครน เป็นอดีตนักโทษหลายพันคนที่ถูกคัดเลือกมาจากเรือนจำในรัสเซีย ทั้งนี้ กลุ่มวากเนอร์ได้พัฒนาและแผ่ขยายไปเป็นธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านเหมืองแร่และทหารในแถบแอฟริกาและตะวันออกกลาง
เซอร์ฮี นาเยฟ ผู้บัญชาการเสนาธิการร่วมยูเครน ตอบกรณีรายงานที่คาดเดาว่ากองกำลังวากเนอร์อาจถูกย้ายไปเบลารุสเพื่อโจมตียูเครนจากทางเหนือ ว่า “หากเรื่องนี้เกิดขึ้นและมีผู้พยายามข้ามพรมแดนของรัฐจริง มันจะเป็นเพียงการฆ่าตัวตายสำหรับพวกเขาโดยแท้”
ที่มา: