บริษัทไฟเซอร์เปิดเผยในวันที่ 14 ธ.ค.ถึงผลการทดสอบเต็มรูปแบบหลังจากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 2,250 คน โดยพบว่า ยาเม็ดที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยหลังการติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอไมครอนสามารถลดอัตราการป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตรวมกันได้สูงถึง 89% ในกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นวัยผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อเริ่มใช้ยาดังกล่าวทันทีหลังจากที่ผู้ติดเชื้อเริ่มแสดงอาการ
นอกจากนั้นการศึกษายังระบุว่า ร่างกายกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ที่ได้ใช้ยาเม็ดรักษาอาการหลังการติดเชื้อ สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัสในร่างกายลงได้มากถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ 'ยาหลอก'
สำนักข่าวเอพีรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ กำลังเร่งพิจารณาการอนุมัติใช้งานยาเม็ดต้านโควิด-19 ของทางบริษัท ‘ไฟเซอร์’ และคู่แข่งอย่าง ‘เมอร์ค’ ซึ่งได้ทำการยื่นเอกสารสำคัญเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบพิจารณาเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หากได้รับการอนุมัติจริง ประชาชนในสหรัฐฯ จะสามารถหาซื้อตัวยาจากทั้งสองบริษัทได้ตามร้านขายยาทั่วไป
การทำงานของตัวยาเม็ดต้านโควิดกลายพันธุ์โอไมครอนจากทั้งสองบริษัทมีการทำงานในลักษณะที่ "ไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่หนามแหลมของตัวไวรัส" หรือ 'สไปก์' ซึ่งเป็นส่วนที่มักจะเกิดการกลายพันธุ์ จึงเป็นเหตุผลที่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญต่างคาดหวังว่ายาทั้งสองจะสามารถรับมือโควิดกลายพันธุ์ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะไม่ต้องปรับสูตรตามหนามแหลมที่เกิดการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง
ยาเม็ดของไฟเซอร์ กำลังได้รับการจับตามองอย่างมากหลังจากที่ปลายเดือนที่ผ่านมาบริษัทเมอร์คได้ออกมายอมรับว่าผลการทดสอบครั้งล่าสุดไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้เนื่องจากตัวยาของเมอร์คมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงในการป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น ในกลุ่มประชากรวัยผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์อิสระที่ได้ทำการตรวจสอบผลการศึกษาจากบริษัทไฟเซอร์พร้อมลงความเห็นว่า ไฟเซอร์ควรดำเนินการทำการศึกษาต่อไปเพื่อเก็บข้อมูลและผลลัพธ์ที่เต็มรูปแบบมากกว่าเดิม ก่อนเดินหน้ายื่นขอการอนุมัติใช้งานจากหน่วยงานของภาครัฐ
ในช่วงที่ทั้งสองบริษัทยากำลังรอการอนุมัติใช้งานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ ทางรัฐบาลของ โจ ไบเดน ได้ดำเนินการทำข้อตกลงสั่งซื้อยาเม็ดต้านโควิดโอไมครอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการสั่งยาเม็ดสำหรับประชาชน 10 ล้านคนจากบริษัทไฟเซอร์ และอีก 3 ล้านคนจากบริษัทเมอร์ค