ไม่พบผลการค้นหา
'อนุทิน' เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ 'โอไมครอน' แล้ว 1,780 ราย จ่อชง ศบค.เลื่อนเปิด Test&Go ถึงสิ้น ม.ค. ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ขณะที่ผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่องและต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แนะตรวจ ATK ก่อนเดินทางกลับและก่อนเข้าทำงาน ใช้มาตรการทำงานที่บ้าน 14 วัน

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ว่า วันนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงาน พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เพิ่มขึ้น 229 ราย สะสมทั้งหมด 1,780 ราย โดยจังหวัดที่พบมากที่สุด ยังเป็นกรุงเทพมหานคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชลบุรีและภูเก็ต โดยยังคงพบการติดเชื้อในผู้เดินทางเข้าประเทศ

ทั้งนี้ อนุทิน กล่าวอีกว่าจากการที่ทั่วโลกพบการติดเชื้อโอไมครอนเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องประกาศชะลอการเดินทางเข้าประเทศในระบบ Test and go เพื่อประเมินสถานการณ์จนถึงวันที่ 4 ม.ค.65 แต่ด้วยขณะนี้ ยังพบผู้เดินทางเข้าประเทศติดเชื้อโอไมครอนต่อเนื่อง ในที่ประชุม EOC ของ กระทรวงสาธารณสุข ที่มีปลัด สธ. อธิบดีกรมควบคุมโรคผู้บริหาร สธ. และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นว่า สธ.จะเสนอต่อ ศบค. พิจารณาเลื่อนมาตรการ test and go ออกไปจากเดิมในวันที่ 4 ม.ค.นี้ จะชะลอเพื่อประเมินสถานการณ์ไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค.

ส่วนผู้เดินทางในระบบ test and go ที่ยังค้างท่ออยู่ เราต้องขอความร่วมมือ ว่าหากต้องการใช้สิทธิตามที่ลงทะเบียน จะต้องเดินทางเข้ามาภายในวันที่ 10 ม.ค.นี้ เท่านั้นหลังจากนั้น หากใครต้องการเข้าไทย จะต้องเข้าระบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) ที่ภูเก็ต หรือผ่านระบบกักตัว (Quarantine) เท่านั้น


แนวโน้มผู้ติดเชื้อสูงกว่าคาดเล็กน้อย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า ภาพรวมทั่วโลกมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทย วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 2,927 ราย ผู้เสียชีวิต 18 ราย แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์เล็กน้อย ขณะที่ผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่องและต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนในกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ พบผู้ติดเชื้อ 168 ราย เป็นชาวต่างชาติ 78% ส่วนใหญ่ผ่านระบบ Test & Go โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ภาพรวมการฉีดวัคซีนสะสม 104,491,859 โดส ความครอบคลุมเข็มหนึ่ง 71.2% เข็มสอง 64.1% และเข็มสาม 9.8%

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า จากการติดตามสถานการณ์ พบจุดที่น่าเป็นห่วงคือการแพร่ระบาดลักษณะคลัสเตอร์ในหลายจังหวัดที่มีร้านอาหารกึ่งผับเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ จากการติดตามสอบสวนโรคพบว่า ร้านเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting คือ มีระบบระบายอากาศไม่ดี จัดที่นั่งแออัด ไม่มีการเว้นระยะห่าง พนักงานไม่สวมหน้ากากอนามัย มีการจำหน่ายสุราและแสดงดนตรี รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งหลังสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ คนกลุ่มนี้อาจได้รับเชื้อโควิด 19 และเมื่อกลับมาเรียนหรือทำงานอาจนำเชื้อมาแพร่กระจายต่อได้


แนะตรวจ ATK ก่อนเดินทางกลับ-เข้าทำงาน

ดังนั้น ก่อนเดินทางกลับขอให้มีการตรวจคัดกรองด้วย ATK และเมื่อกลับมาถึงหากสามารถทำงานที่บ้านได้ให้ทำงานที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน แต่หากต้องเริ่มปฏิบัติงานทันทีขอให้ตรวจ ATK ก่อนเข้าทำงาน และในสัปดาห์แรกให้ตรวจ 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 3 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังอาการจนครบ 14 วัน และงดการรวมกลุ่มพูดคุย/รับประทานอาหาร หากเกิดการติดเชื้อในโรงงานไม่จำเป็นต้องปิดโรงงาน แต่ขอให้ใช้มาตรการ Bubble & Seal เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อออกภายนอก 

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวัน เพื่อปรับมาตรการต่างๆ ให้ทันสถานการณ์ สำหรับประชาชนขอให้ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด หลีกเลี่ยงการไปสถานที่เสี่ยง เช่น ร้านที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และหากพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุง รวมทั้งขอให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ ติดต่อขอรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน เนื่องจากข้อมูลทั้งในประเทศและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด 19 ลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้