อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดคลับเฮาส์แลกเปลี่ยนความเห็นและหาทางออกจากวิกฤตฝุ่นควันพิษในจังหวัดเชียงใหม่ ในหัวข้อ “คนเชียงใหม่อาจตายเพราะฝุ่นพิษ มากกว่าโควิด-19” โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการนายจักรพล กล่าวว่า การเปิดคลับเฮาส์วานนี้ ได้รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
เช่น ศ.ดร.พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอให้รัฐบาลภาครัฐสร้างการรับรู้ปัญหาของฝุ่นตลอดทั้งปี ขณะที่ ผศ.ดร.ไพลิน ภูจีนาพันธุ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างการรับรู้ปัญหาฝุ่นควันพิษในระดับครอบครัว และ ส.ส.รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ของตนเอง ขณะที่ ผศ.ดร.ระพีพันธ์ แดงตันกี คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ ม.แม่โจ้ เสนอให้มีการศึกษาและผลักดันการสร้างมูลค่าให้ฟางหรือซากการเกษตร เพื่อลดการกำจัดด้วยการเผา รวมถึงพัฒนานวัตกรรมถ่านไร้ควัน ที่สามารถบริหารจัดการในชุมชนได้ เป็นต้น
ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านรัฐศาสตร์ ภาคธุรกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส.ส.เชียงใหม่พรรคเพื่อไทย และผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก จุลพันธ์ุ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้มีความรุนแรงกว่าทุกปี โดยล่าสุดค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานไปมากกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในส่วนของรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
ขณะที่ไฟป่ายังคงลุกลามเป็นวงกว้าง หากยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าได้ รัฐบาลต้องประกาศให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันพิษเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน และตั้งคณะทำงานที่ทำงานอย่างบูรณาการมากกว่านี้ เพื่อเร่งสร้างการรับรู้และตื่นตัวของประชาชน เหมือนที่เกิดขึ้นกับสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อให้เกิดการเยียวยาประชาชนที่อาจจะได้รับกระทบด้านสุขภาพในระยะยาว รวมทั้งใช้เวทีการประชุมอาเซียน เจรจาความร่วมมือเพื่อจัดการเรื่องหมอกควันข้ามแดน
“ผมขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับลมหายใจของชาวเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพ” จุลพันธุ์กล่าว
ด้านจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการด้านต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ขับเคลื่อนกระบวนการแก้ไขต้นเหตุของฝุ่นควันพิษที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากไฟป่าข้ามพรมแดน โดยได้นำเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาเพื่อให้ช่วยดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ส.ส.เชียงใหม่และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ระหว่างการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซมลภาวะเข้าสู่อากาศ ให้สำเร็จโดยเร็ว
สำหรับการเปิดคลับเฮาส์วานนี้ (10 มีนาคม 2564) ได้รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เช่น ศ.ดร.พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอให้รัฐบาลภาครัฐสร้างการรับรู้ปัญหาของฝุ่นตลอดทั้งปี ขณะที่ ผศ.ดร.ไพลิน ภูจีนาพันธุ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เสนอให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างการรับรู้ปัญหาฝุ่นควันพิษในระดับครอบครัว และ ส.ส.รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ของตนเอง ขณะที่ ผศ.ดร.ระพีพันธ์ แดงตันกี คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ ม.แม่โจ้ เสนอให้มีการศึกษาและผลักดันการสร้างมูลค่าให้ฟางหรือซากการเกษตร เพื่อลดการกำจัดด้วยการเผา รวมถึงพัฒนานวัตกรรมถ่านไร้ควัน ที่สามารถบริหารจัดการในชุมชนได้ เป็นต้น
ส่วนภาคเอกชนและประชาชนได้มีข้อเสนอการจัดเก็บภาษีการสร้างฝุ่นควัน หรือ Carbon Tax , ควรมีการศึกษาและออกแบบแนวกันไฟ เพื่อป้องกันการลามของไฟจากการเผาพื้นที่การเกษตรซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตป่าไม้จนทำให้เกิดไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง รวมถึงต้องการให้ ส.ส.ของพรรคในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน จัดตั้งรัฐบาลท้องถิ่น ด้วยศักยภาพและงบประมาณ อบจ.ในจังหวัดทางภาคเหนือจะช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นควันพิษได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยรับข้อเสนอของประชาชนเพื่อนำไปพัฒนาให้เห็นผลโดยเร็วที่สุด