วันที่ 14 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย ในงานเสวนาหัวข้อ 'วิกฤตฝุ่น PM 2.5 เพื่อไทยมีทางแก้ไข' โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ นพ.ญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และ ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย
จักรพล เผยว่า ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า จ.เชียงใหม่ ติดอันดับ 4 ของโลก ขณะที่ กรุงเทพฯ 33 ของโลก ในเรื่องค่ามลพิษของ PM 2.5 ซึ่งกระทบทั้งการท่องเที่ยวและการเกษตร รวมถึงวิถีชีวิตในระบบทางเดินหายใจและปอด เป็นภัยที่มองไม่เห็นและอยู่กับเรามาอย่างยาวนาน เมื่อตนได้ถามกระทู้ในสภาฯ ไปก็ไม่มีผู้มาตอบถึง 3 ครั้ง และ พ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ที่พรรคเพื่อไทยยื่นไว้ ก็ยังค้างอยู่ไปไม่ถึงไหน จึงอยากทวงถามงบประมาณที่ถูกผลาญไป ว่าได้แก้ไขปัญหาให้ประชาชนบ้างหรือไม่
"ผมได้รีดไขมันส่วนเกินใน พ.ร.บ.ฉบับอื่นที่ท่านตีตกไปอย่างไม่เห็นค่า เช่น ส่วนที่คาบเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อื่นๆ ทำให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นทางหนึ่งที่เราจะแก้ปัญหาได้ทุกมิติในระยะยาว" จักรพล กล่าว
จักรพล กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยหลักของปัญหาฝุ่นควันในไทย ส่วนหนึ่งมาจากตัวเลขการเผาไหม้ในทางอุตสาหกรรมซึ่งข้ามพรมแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียง เป็นประเด็นที่ต้องยกระดับการพูดคุย ควรตั้งเป็นทวิภาคีเพื่อหาทางออกร่วมกันในทุกประเทศ อีกส่วนคือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ที่บีบให้เกษตรกรต้องเผาไหม้ผลผลิตทางการเกษตร เพื่อไม่ให้งบประมาณตกไป ซึ่งประเด็นนี้จะถูกถ่ายทอดในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ด้วย
ขณะที่ ชนินทร์ ระบุว่า ต้นเหตุของฝุ่นในกรุงเทพฯ กว่า 50% มาจากระบบขนส่ง และ 30% มาจากการเผาไหม้ 20% มาจากการก่อสร้าง สถานการณ์ฝุ่นจึงเกิดขึ้นตลอดปี และไม่สามารถถ่ายเทไปในชั้นบรรยากาศได้ ทางออกจึงควรควบคุมและลดปริมาณการผลิตฝุ่นในกรุงเทพฯ ให้น้อยลง และฝุ่นควันจะลดความหนาแน่นลงไปได้เอง
โดยพรรคเพื่อไทยมีแนวทางผลักดันเพิ่มระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยการลดค่าใช้จ่ายให้คนเข้าถึงขนส่งสาธารณะได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพของประชาชน และนำมาสู่การใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลงด้วย อีกทางคือผลักดันการใช้รถ EV ปัจจุบันรถเมล์จำนวน 3,000 คันในประเทศ ถูกเปลี่ยนเป็นรถ EV ไม่ถึง 100 คัน จีงยากจะเข้าใจว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่เร่งเปลี่ยนให้หมดทั้งระบบ ทั้งที่จำนวนรถเมล์ก็ไม่ได้มาก
"ในไทยมีสตาร์ตอัพด้านการผลิตรถ EV อยู่ไม่น้อย แต่ไม่ได้รับการผลักดันเพียงพอให้เป็นรายใหญ่ในประเทศ รัฐบาลที่ดีควรสนับสนุนด้านนี้ ไม่ใช่เพียงเปิดให้ต่างประเทศมาผลิตรถในไทย แต่ทำให้คนไทยมีกำลังพอจะผลิตรถใช้ได้เอง" ชนินทร์ กล่าว
ด้าน นพ.ญาณกิตติ์ ชี้ว่า สถานการณ์ฝุ่นควันในกรุงเทพฯ ก็สาหัสไม่ต่างจากในภาวะสงคราม เพราะ PM 2.5 คือฝุ่นพิษที่สามารถแทรกซึมผ่านทางเดินหายใจ และดูดซึมไปถึงระบบไหลเวียนโลหิตได้ ไปสู่เส้นเลือดหัวใจและสมอง นำมาสู่การอักเสบของเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ ที่ดูดซึม พร้อมยืนยันว่า ฝุ่นพิษดังกล่าวเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตราว 3 หมื่นคนต่อปี ทั้งนี้ ผลการศึกษาชี้ว่า ชาวไทยยินดีจ่ายเงินให้รัฐบาลถึง 2 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นควันดังกล่าว
สาเหตุหลักของปัญหาฝุ่นพิษในกรุงเทพฯ คือรถเมล์ควันดำ ความจริงเป็นปัญหาที่แก้ง่าย ถ้าภาครัฐมีความจริงใจ กระทรวงคมนาคมสามารถเปลี่ยนรถใหม่ หรือส่งเสริมให้รถไฟฟ้าหรือ EV เป็นวาระแห่งชาติได้ ส่วน พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ที่ถูกปัดตกไปหลายครั้ง พรรคเพื่อไทยแนะนำว่า ควรยกเลิกการจัดตั้งคณะกรรมการมากมายที่แก้ปัญหาไม่ได้จริง และมุ่งเน้นการแก้ปัญหาผ่านกระบวนการตรากฎหมายที่มีประสิทธิภาพ
"ส.ส.ต้องออก พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ใช้ได้จริง และเรื่องขนส่งสามารถทำได้เลย รถที่ไม่ผ่านมาตรฐานต้องยกเลิก หรือเปลี่ยนเป็นรถ EV และกฎหมายมีอยู่แล้ว แต่ต้องใช้ให้เข้มข้น ภาคประชาชนและรัฐบาลสมัยหน้าต้องจริงจังกับเรื่องนี้" นพ.ญาณกิตติ์ เน้นย้ำ