“เราได้เริ่มต้นปี 2566 โดยมองลงไปที่จุดบรรจบของความท้าทาย ที่ไม่เหมือนครั้งใดในช่วงชีวิตของเรา” กูเตอร์เรสกล่าวกกับนักการทูตในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาติ ซึ่งตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ
“เราต้องตื่นขึ้นและไปทำงาน” เลขาธิการสหประชาชาติวิงวอนประชาคมโลก โดยในขณะที่กูเตอร์เรสอ่านรายการปัญหาเร่งด่วนสำหรับปี 2566 ซึ่งประเด็นสำคัญอันดับต้นๆ ที่สหประชาชาติให้ความสำคัญในปีนี้ คือ สงครามของรัสเซียในยูเครน ซึ่งใกล้จะครบรอบ 1 ปี ในวันที่ 24 ก.พ.นี้
“โอกาสสู่สันติภาพนั้นลดน้อยลงไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะเกิดการลุกลามบานปลายและการนองเลือดมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” เลขาธิการสหประชาชาติกล่าว “ผมกลัวว่าโลกไม่ได้เดินละเมอไปสู่สงครามที่ขยายกว้างขึ้น ผมกลัวว่ามันจะทำเช่นนั้นโดยที่ตาของมันเบิกกว้างอยู่”
กูเตอร์เรสยังกล่าวถึงภัยคุกคามอื่นๆ ต่อสันติภาพ ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ไปจนถึงอัฟกานิสถาน เมียนมา ซาเฮล และเฮติ “หากทุกประเทศปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตร (สหประชาชาติ) สิทธิในสันติภาพจะได้รับการรับรอง” เลขาธิการสหประชาชาติกล่าว พร้อมระบุเสริมว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแนวทางสู่สันติภาพของเรา ผ่านการทำตามกฎบัตรอีกครั้ง โดยให้ความสำคัญกับสิทธิและศักดิ์ศรีการเป็นมนุษย์เป็นอันดับแรก ด้วยหลักการป้องกันเป็นหัวใจสำคัญ”
ในภาพกว้างกว่านั้น กูเตอร์เรสประณามการขาด “วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์” และ “อคติ” ของผู้มีอำนาจ ในการตัดสินใจทางการเมืองและภาคธุรกิจที่มีผลระยะสั้น “การสำรวจความคิดเห็นครั้งต่อไป ยุทธวิธีทางการเมืองครั้งต่อไปเพื่อยึดอำนาจ แต่ยังรวมถึงวัฏจักรธุรกิจถัดไปด้วย หรือแม้แต่ราคาหุ้นของวันถัดไป ความคิดระยะใกล้นี้ไม่เพียงไร้ความรับผิดชอบอย่างลึกซึ้งเท่านั้น แต่ยังผิดศีลธรรมด้วย” เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวเสริม
กูเตอร์เรสเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการ ผ่านการคำนึงถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต โดยเลขาธิการสหประชาชาติกล่าวย้ำถึงการเรียกร้องให้มี “การเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว” ในระบบการเงินโลก “มีบางอย่างผิดปกติในระบบเศรษฐกิจและการเงินของเรา” กูเตอร์เรสกล่าว พร้อมกล่าวโทษว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นสาเหตุของความยากจนและความหิวโหยที่เพิ่มขึ้น จากการเกิดช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างคนรวยและคนจน และภาระหนี้ของประเทศกำลังพัฒนา
“หากไม่มีการปฏิรูปขั้นพื้นฐาน ประเทศและบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดจะยังคงสะสมความมั่งคั่งต่อไป ทิ้งเศษเล็กเศษน้อยให้กับชุมชนและประเทศโลกใช้” เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวเสริม
ที่มา: