ที่โรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ทิศทางการศึกษาไทยในยุค 4.0" โดยระบุว่า ไทยแลนด์ 4.0 เป็นการเตือนเราทุกคนว่าไม่สามารถที่จะเติบโตหากยังใช้ปัจจัยแบบเดิมอย่างที่ผ่านมาทั้งภาคบริการ อุตสาหกรรม การเกษตร ซึ่งการจุดประกายไทยแลนด์ 4.0 เป็นสิ่งที่ดีและมีความสำคัญ แต่ตัวเองยังไม่มั่นใจว่านโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสอดรับกับเป้าหมาย 4.0 จริงหรือไม่
โดยปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ประเทศไทยไม่สามารถไปสู่เป้าหมาย 4.0 ได้ก็คือกฎหมายที่ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ยกตัวอย่างสิ่งที่ตัวเองกำลังจะประสบก็คือตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป พรรคการเมืองจะต้องดำเนินการจัดทำรายชื่อสมาชิกพรรคให้เป็นปัจจุบันตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งต้องดำเนินการเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร ไม่สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้มากนัก ดังนั้น จึงควรต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0
ขณะเดียวกัน ต้องมีการพัฒนาศักยภาพกำลังคน บุคลากร เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่าจะได้ทักษะฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพ ซึ่งต้องวางพื้นฐานตั้งแต่การศึกษาการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่ครูต้องมีความพร้อมในการเปลี่ยนวิธีคิดและกระบวนการคิดในการให้ความรู้กับนักเรียนให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วย นอกจากนี้ฝ่ายการเมืองจะต้องไม่กำหนดนโยบายในทางปฏิบัติให้กับสถาบันการศึกษามากจนเกินไป เนื่องจากที่ผ่านมาการพัฒนาการศึกษาจะสะดุดลงเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือฝ่ายการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยภายหลังการปาฐกถาว่า หากฝ่ายบริหารสามารถวางแนวทางในการนำกระบวนการศึกษามาร่วมกับชุมชนและท้องถิ่นได้ก็จะช่วยให้การศึกษาเกิดการพัฒนาได้เร็วมากขึ้น เพราะตราบใดที่ต้องรอกระทรวงศึกษาธิการและส่วนกลางในการกำหนดนโยบาย ซึ่งบางครั้งนโยบายที่ออกมาก็ไม่สอดคล้องกับพื้นที่ การปรับเปลี่ยนทางการศึกษาก็จะทำได้ยากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีนโยบายการคืนครูให้นักเรียนซึ่งไม่ได้มีการสานต่ออย่างจริงจัง เพราะเป็นงานที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาการศึกษาได้ง่ายซึ่งการจะคาดหวังให้โรงเรียนปรับเปรียบวิธีการเรียนรู้แต่ไม่เปิดโอกาสให้ครูได้มีการพัฒนาและทุ่มเทให้การเรียนการสอนการพัฒนาการศึกษาก็เกิดขึ้นได้ยาก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการศึกษา ดังนั้น หากได้มีโอกาสเข้าไปทำงานก็จะกำหนดเรื่องการศึกษาเป็นลำดับแรก