สีโจมตีการทำให้สิทธิมนุษยชนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในฐานะ “ข้ออ้างเพื่อการเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่นๆ” ก่อนกล่าวปกป้องบันทึกรายงานของรัฐบาลจีนว่าไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศของตนแต่อย่างใด
คำวิจารณ์ของประธานาธิบดีจีนต่อสหประชาชาติ เกิดขึ้นหลังจากมีข้อมูลรั่วไหลของระบบรักษาความปลอดภัยในซินเจียง รวมถึงภาพบันทึกหน้านักโทษชาวซินเจียงจำนวนมากที่ถูกคุมขังกว่าหลายพันราย อีกทั้งเอกสารรายงานว่าทางการจีนมีนโยบายยิงสังหารชาวอุยกูร์ ที่พยายามหลบหนีออกจากค่ายกักกันด้วยเช่นกัน
มณฑลซินเจียงเป็นที่อยู่ของชาวอุยกูร์หลายล้านคน และชาวมุสลิมเติร์กกลุ่มอื่นๆ ที่ถูกรัฐบาลจีนจับกุมตัวและส่งเข้าค่ายกักกัน เพื่อทำการล้างสมองและควบคุมวัฒนธรรม ภาษา และสังคม มีหลักฐานที่ถูกเปิดเผยต่อประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีนต่อชาวอุยกูร์หลุดออกมาเป็นระยะๆ ทั้งนี้ ชาติตะวันตกหลายชาติเรียกการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลจีนว่าเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
บาเชเลต์ในฐานะข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของชิลี ได้เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลาหกวัน โดยเธอได้เข้าพบกับสี รวมถึงการเดินทางเยือนเมืองคาชการ์และอูรุมชีของซินเจียง
การเยือนดังกล่าวของสหประชาชาติถูกสหรัฐฯ วิจารณ์ว่า “เป็นความผิดพลาด” เนื่องจากทางการจีนเป็นผู้เชิญข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติไปเยือนซินเจียงเอง ภายใต้เงื่อนไขที่สหประชาชาติทราบดีแต่แรกอยู่แล้ว และจีนอาจนำการเยือนในครั้งนี้ของสหประชาชาติไปสร้างโฆษณาชวนเชื่อ
ถึงแม้บาเชเลต์จะเดินทางเยือนปักกิ่งด้วยตนเอง แต่มีการต้อนรับข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติจากเพียง หวางอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเท่านั้น ทั้งนี้ บาเชเลต์ได้สนทนากับสีผ่านทางระบบวิดีโอคอลเท่านั้น โดยประธานาธิบดีจีนกล่าวกับข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนว่า ประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีนมีความ "เหมาะสมกับเงื่อนไขของประเทศ" ตนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ จีนอ้างว่าชาวอุยกู์เป็นกลุ่มหัวสุดโต่ง ที่ก่อความไม่สงบในประเทศของตน อย่างไรก็ดี หลักฐานที่เปิดเผยออกมากลับพบว่า จีนจับกุมตัวชาวอุยกูร์จำนวนมากไปใช้แรงงานทาสในไร่ฝ้ายของทางการ หญิงชาวอุยกูร์ถูกทำหมันและทำแท้ง ชาวอุยกูร์จำนวนมากถูกทรมานและสังหารโดยฝีมือของรัฐบาลจีน ทั้งนี้ จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด
“ไม่มี 'ประเทศในอุดมคติ' ที่สมบูรณ์แบบบนประเด็นสิทธิมนุษยชน ไม่จำเป็นจะต้องมี 'ครู' ที่สั่งการประเทศอื่น และเราไม่สามารถทำให้การเมืองและเป็นเครื่องมือในประเด็นสิทธิมนุษยชน ถูกใช้กันในสองมาตรฐาน และใช้สิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างในการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ ได้” สีกล่าวกับบาเชเลต์
“การเบี่ยงเบนไปจากความเป็นจริง และการลอกเลียนแบบรูปแบบสถาบันของประเทศอื่นๆ อย่างสมบูรณ์ จะไม่เพียงแต่ยากต่อการปรับตัวเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งผลร้ายตามมาด้วย และในท้ายที่สุด มวลชนในวงกว้างจะต้องทนทุกข์ทรมาน” สีกล่าวถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนแบบจีน ก่อนที่สำนักข่าว CCTV และ Xinhua ของรัฐบาลจีนจะรายงานว่า ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ “ชื่นชมความพยายามและความสำเร็จของจีนในการขจัดความยากจน ปกป้องสิทธิมนุษยชน และตระหนักถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม”
อย่างไรก็ดี สำนักข่าว The Guardian ได้ติดต่อไปยังสำนักงานของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ก่อนได้ข้อมูลว่าสิ่งที่บาเชเลต์พูดกับสีในที่ประชุมนั้น แตกต่างกันกับสิ่งที่สื่อของจีนรายงานอย่างสิ้นเชิง โดยข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติย้ำกับสีในแถลงการณ์ของสหประชาชาติว่า “สำหรับการพัฒนา สันติภาพ และความมั่นคงอย่างยั่งยืน ทั้งระดับประเทศและข้ามชาติ ประเด็นสิทธิมนุษยชนต้องเป็นหัวใจหลัก”
บาเชเลต์ย้ำในแถลงการณ์จริงว่าตน “หวังว่าสำนักงานของดิฉัน จะสามารถสนับสนุนความพยายามในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และหลักนิติธรรมสำหรับทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น” ผิดกันกับรายงานข่าวของทางการจีนอย่างสิ้นเชิง
ที่มา: