ไม่พบผลการค้นหา
‘ยุทธพงศ์’ แฉยับงบฯ ปี 66 ทุจริตอื้อ ท่อส่งน้ำอีอีซีไม่โปร่งใส ซื้ออาวุธไม่สนประชาชน เผย ‘เฮีย ซ.’ กรมทรัพยากรน้ำ ขายตำแหน่ง ขรก. เล็งจองกฐิน ‘อาคม’ ศึกซักฟอก

วันที่ 2 มิ.ย. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ วาระการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2566 (ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ) เป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างงบฯ ซึ่งตนมองว่าเต็มไปด้วยความไม่โปร่งใสและทุจริต โกงแม้กระทั่งการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ ทั้งประเด็นท่อส่งน้ำสายหลักในอีอีซี เรือดำน้ำไร้เครื่องยนต์ ยานบินรุ่น UAV ล้วนอยู่ในร่างงบฯ นี้

สำหรับหน่วยงานของกระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์ ในปี 2566 ยื่นคำของบประมาณ 3.78 พันล้านบาท และเงินนอกงบประมาณราว 5 ร้อยล้าน ที่ในพันธกิจระบุว่า บริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม แต่ตนไม่เชื่อว่ากรมธนารักษ์จะสามารถทำได้จริง ดังเช่นโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ อีอีซี มูลค่า 2.5 หมื่นล้าน ที่กระบวนการคัดเลือกภาคเอกชนไม่โปร่งใส ไม่ได้ดำเนินงานโดยหลักธรรมภิบาล

ยุทธพงศ์ เผยว่า ในการคัดเลือกครั้งแรก บริษัท อีสต์วอเตอร์ ได้รับการคัดเลือก ทว่ากลับมีการยกเลิกผล อ้างเหตุว่าทีโออาร์ไม่ถูกต้อง และคัดเลือกครั้งที่ 2 โดยเปลี่ยนตัวคณะกรรมการคัดเลือกฯ ตนไม่ได้มาปกป้อง บริษัท อีสต์วอเตอร์ แต่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จึงได้ตั้งคำถามว่าเหตุใดกรมธนารักษ์จึงไม่ใช้วิธีเปิดประมูลราคาโดยทั่วไป แม้จะคัดเลือก ก็ไม่ให้บริษัทใหญ่ที่มีประสบการณ์น่าเชื่อถือมาร่วมคัดเลือก ขอให้ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงด้วย

“เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย กลางเดือน ก.ค. ถ้าท่านไม่ทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ให้เกิดประโยชน์กับแผ่นดิน นายกฯ ในฐานะประธานอีอีซี ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.กระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ผมจองกฐินไว้แล้ว โดยเฉพาะ สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ได้รับมอบอำนาจมาเป็นประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ แต่ก่อนที่ผมจะอภิปรายฯ ผมจะไปยื่น ป.ป.ช. ให้ดำเนินการสอบคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ที่ไปยกมือให้เขา ทั้งที่เรื่องนี้มีประเด็นครหามากมาย”

ยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึง การจัดทำงบประมาณของกระทรวงกลาโหม สำหรัมงบกองทัพเรือ มีความไม่เหมาะสม เนื่องจากจัดซื้อเรือดำน้ำจีน S26-T ไม่มีเครื่องยนต์ และยานบิน UAV Hermes 900 จำนวน 3 ลำ ลำละ 1,340 ล้านบาท รวมเป็น 4,070 ล้านบาท ซึ่งประสบปัญหาตกบ่อยครั้ง จึงส่อให้เห็นความไม่โปร่งใส เช่นเดียวกับกองทัพอากาศ ที่ตั้งงบฯ เตรียมจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A ของสหรัฐอเมริกา ราคาลำละ 2.7 พันล้านบาท โดยมีเฉพาะเครื่องบิน ไร้อาวุธใดๆ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบิน 1.2 ล้านบาทต่อชั่วโมง

“คุณเป็นนายกฯ คุณจะเลือกเรือดำน้ำจีนที่ไม่มีเครื่องยนต์ โดรนที่ด้อยคุณภาพ หรือเครื่องบินที่ไม่มีอาวุธ คนเป็นนายกฯ ต้องตัดสินใจว่า คุณจะเลือกฝั่งประชาชน หรือจะเลือกอาวุธสงคราม ให้ท่านปรับปรุงแก้ไขงบประมาณฉบับนี้เสีย”

ยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึง กรมทรัพยากรน้ำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ ซึ่งมีความไม่โปร่งใส เนื่องจากมีการซื้อขายตำแหน่ง โดยเมื่อ 20 พ.ค. 2565 กรมทรัพยากรน้ำ ได้เปิดสอบคัดเลือกผู้อำนวยการ 2 ตำแหน่ง ปรากฏว่ามีบุคคลลึกลับชื่อ ‘เฮีย ซ.’ โทรศัพท์มาเรียกเงิน 8 หลักจากข้าราชการที่มาสมัครรับคัดเลือกตำแหน่ง เมื่อข้าราชการไม่ยอมจ่าย จนถึงวันนี้จึงไม่มีการประชุมแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าว หากนายกฯ ต้องการจะปราบโกงจริง ให้ติดต่อตนเพื่อรับทราบหลักฐานได้

“เฮีย ซ. ชื่อคล้ายๆ ร้านอาหารดังแถวคลองสาน มีอิทธิพลมาก จนกระทั่งตอนนี้ 2 ตำแหน่งในกรมทรัพยากรน้ำนี้ยังว่างอยู่ จะสิ้นปีงบประมาณ 2565 แล้ว ยังไม่มีข้าราชการมาทำงานเลย ผมถึงเรียกว่างบฯ ปี 2566 ที่ท่านตั้ง เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใสและทุจริต”

สำหรับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนั้น เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งมีการประชุมพิจารณาร่างงบฯ 2566 ที่รัฐสภา ตามปกติปลัดกระทรวงและหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ จะมาเฝ้าสังเกตการณ์ ทว่าอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งออกนามว่า ชมภารี ชมภูรัตน์ แทนที่จะอยู่รัฐสภา กลับไปราชการที่ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม แทนที่จะอยู่ช่วยรัฐมนตรีชี้แจงร่างงบฯ

“ผมไม่สามารถรับหลักการงบประมาณฯ ปี 2566 มูลค่า 3.185 ล้านล้านบาทได้ เพราะเต็มไปด้วยเรื่อง ความทุจริต และการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่โปร่งใส โกงกินแม้กระทั่งซื้อขายตำแหน่ง” ยุทธพงศ์ กล่าวสรุป