วันที่ 29 มิ.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดงาน FTI EXPO 2022 : SHAPING FUTURE INDUSTRIES ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจเดินทางลงพื้นที่เชียงใหม่ ว่า วันนี้โลกกำลังเผชิญความท้าท้ายไปสู่โลกยุคใหม่ทั้งคนและความคิดไปสู่โลกดิจิทัล โดยตนพูดเรื่อง 4.0 มานานมาแล้ว ฉะนั้นการพัฒนาเรื่องนี้จะส่งผลต่อชีวิต ซึ่งทุกประเทศต้องรับกับสายลมการเปลี่ยนแปลง โดยเวลานี้ถึงเวลาที่เหมาะสมที่รัฐและสภาหอการค้าต้องจับมือไปด้วยกัน โดยรัฐบาลจะไปเปิดโดยพูดคุยกับผู้นำประเทศเพื่อปลดล็อกจากนั้นภาคธุรกิจค่อยเดินต่อ ซึ่งวันนี้ตนคิดว่าเราพร้อมรับมือกับสายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง และถ้าเปรียบประเทศไทยเหมือนรถยนต์ที่ต้องพาคน 70 ล้านไปเพื่อขับเคลื่อนบนเวทีโลก เพื่อให้รถคันนี้เดินหน้าไปได้ ไม่ติดขัด ประชาชนได้รับความสะดวกสบายซึ่งไม่ง่าย แต่จะทำอย่างไรให้รถคันนี้วิ่งได้และเป็นยานยนต์แห่งอนาคต คือ ต้องเตรียมรถให้ดีแล้ว พร้อมเมื่อไหร่ก็ทยอยนำคนขึ้นมา จากนั้นค่อยสร้างรถคันอื่น ช่วงหนึ่งย้ำกับผู้ร่วมงานว่า สัญญาต้องนั่งรถคันเดียวกับไป จะเป็นจะตายต้องช่วยกันเข็น เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องต่อเนื่อง
ส่วนวิกฤตจากความขัดแย้งและโควิด เป็นปัญหาจากห่วงโซ่ แต่อยากให้มองที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง ซึ่งนายกฯ เจ็บปวดเห็นใจ อะไรที่ทำได้ก็จะทำให้มากที่สุดอย่างระมัดระวัง ซึ่งวันนี้หลายประเทศมองมาที่ประเทศไทยเพื่อเป็นพื้นที่การลงทุนและอยู่อาศัย ฉะนั้นขอไม่ต้องห่วงเพราะรัฐบาลมีมาตรการอยู่แล้ว
ส่วนวันนี้ที่พลังงานแพง สินค้าแพง เงินเฟ้อ วันนี้เราต้องดูอย่างรัดกุมที่สุด แต่จะทำอะไรต้องไม่ทำให้สถานะทางการเงินของไทยอ่อนแอ ซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะ BBB+ ซึ่งตนยอมรับว่าจำเป็นก็ไม่อยากกู้ พร้อมชี้ว่า วันนี้โลกแบ่งไปหลายขั้วมี 3 ขั้วซึงเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมการรองรับ
ช่วงหนึ่งได้พูดติดตลกว่า วันวันนี้รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปไหนจุดไม่ติดแล้ว เพราะน้ำมันน้อย พร้อมย้ำว่าทำไมรัฐบาลไม่อยากลด อยากลดจะตายอยู่แล้ว
และช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ขอบคุณผู้ร่วมงานที่ใส่หน้ากากอนามัย โดยพูดติดตลกว่า วันนี้ขอบคุณที่ใส่หน้ากากครบถ้วน แต่เมื่อไม่อยากใส่ก็จะถอด พอให้ถอดก็ไม่อยากถอดอีก สรุปมันต้องระวังตัวเองจะไปออกกฎหมายบังคับไม่ไหว ถ้าไม่อยากเป็นก็ใส่หน้ากากไว้ ไม่ต้องไปกลัวคนจะบูลลี่ใส่หน้ากาก กลัวอะไรหนักหนา ไอ้คนพูดติดมาเยอะแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้หลายอย่างมีอยู่แล้ว แต่ตนโทษคนรุ่นใหม่ไม่ได้ เพราะเขาชินกับโลกวันนี้แล้ว ฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่เป็นปัญหากับเราทุกคนว่าจะทำให้เขารู้ว่า กว่าจะมีวันนี้เป็นอย่างไร กว่าจะมีรถไฟฟ้าเป็นอย่างไร และรู้ประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้มีความแตกต่างไปมากแต่คนวันนี้รักความสบาย ทั้งนี้สิ่งที่ตนต้องการคือทำอย่างไรให้คนเป็นหัวหน้างานและสามารถทำงานกับเครื่องจักรได้ ซึ่งก็ต้องให้เข้าใจตรงกันไม่เช่นนั้นจะเข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญวันนี้ถ้าเราร่วมกันเศรษฐกิจไทยปี 65 จะเป็นไปทางบวกมากขึ้น
จากนั้น นายกฯ เผยอีก ที่ไปตรวจโครงการอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด มีตั้งแต่ตนเข้ามาปี 58 ก็ยังไปไม่ได้ ฉะนั้นนี่จึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ ซึ่งอะไรทำได้ก็ต้องทำ อย่าให้รัฐบาลบอกต้องทำนู่นทำนี่ เพราะคนไทยเก่งอยู่แล้วไม่งั้นอยู่มาไม่ถึงวันนี้
ในช่วงท้าย นายกฯ ระบุว่า วันนี้รถยนต์ประเทศไทยคันนี้จะกลายเป็นยานยนต์แห่งอนาคต ที่จะพาคนไทยทุกคนไปสู้เป้าหมายที่มีความสุขด้วยความสามัคคีของคนไทยด้วยกัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือความรัก ความสามัคคี ความมีเสถียรภาพ ทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ผมทำให้ทุกคน ผมลงโครงการให้ทุกจังหวัด ไม่ว่าจะรักตนหรือไม่รัก แต่ต้องทำให้เขาเพราะเป็นหน้าที่ของตน เพราะเราต้องการเห็นบ้านเมืองก้าวหน้า ดังนั้นต้องจับมือไปด้วยกัน
สำหรับการเดินทางมา จ.เชียงใหม่ วันนี้ของ นายกฯ เดินทางมาพร้อมกับ รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่งมารอต้อนรับ นอกจากนี้ ก่อนเริ่มงานเจ้าหน้าที่ได้เดินแจ้งผู้ร่วมงานว่า นายกฯ ขอให้คนที่มาร่วมงานที่ใส่เนคไทมาถอดออก โดยอ้างว่า เนื่องจากนายกฯ ต้องการให้บรรยากาศภายในงาน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจโครงการอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงขณะที่ช่วงบ่ายนายกฯ จะไปเยี่ยมชมการดําเนินงานพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้แก่นักเรียนเยาวชนและ กลุ่มสตาร์ทอัพ ที่โรงเรียนวัดเวฬุวัน อ.สารภี จากนั้นจะไปตรวจงานที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวอวยพรในโอกาสวอยซ์ทีวี ออกอากาศครบ 13 ปี ว่า "ขอให้มีความสุข ความสำเร็จ"