วันที่ 21 มี.ค. เมื่อเวลาประมาณ 07.45 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เดินทางมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รอต้อนรับ โดยได้มีการยืนพูดคุยกันประมาณครู่หนึ่ง ก่อนเดินเข้าอาคาร เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ชั้น 2 คาดการณ์มาประชุมในวันนี้จะเป็นการแบ่งงาน หลังจากมีคำสั่ง โยก 2 นายพลใหญ่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เข้าไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี 60 วัน หลังจากเกิดความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจอย่างหนัก
นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังเป็นประธานการประชุม ว่า ในที่ประชุม ได้สั่งการ 10 ข้อให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ระบุว่าให้ความสำคัญกับทุกเรื่องๆเพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาแตกต่าง โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าต่อไปนี้ ผมเชื่อว่าเราทุกคนรักใครชอบใครแตกต่างกันออกไป รักคนนี้ ชอบคนนี้ แต่เรามาถึงจุดนี้ เราต้องทำงานเพื่อประชาชน เราเก็บไว้ในใจดีกว่า เรื่องก้าวก่ายและการให้ข่าวก็ไม่อยากให้มีแบบนั้น เราไม่ได้มีหน้าที่ให้ข่าวเพื่อสนับสนุนคนใดคนหนึ่ง
ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบ 3 คน นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เรายึดตามกระบวนการยุติธรรม ขึ้นกับว่าผลสอบจะเป็นอย่างไร ขอให้อย่าเพิ่งพูดไปต้องให้เกียรติตำรวจทั้ง 2 คน ด้วย เชื่อว่าการสอบสวนจะทำให้เร็วที่สุด อย่าเพิ่งมองไปไกลว่าผลจะออกม่เป็นอย่างไร อย่าเพิ่งไปเป็นชี้นำกระบวนการยุติธรรม ที่อาจทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่สบายใจ ตอนนี้ต้องทำให้ประชาชนสบายใจมากที่สุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าได้ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ให้ประชาชนสบายใจว่าผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ก็ยึดผลกระบวนการยุติธรรม
ส่วนคำสั่งให้เข้าสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ไม่ทราบ และไม่ตอบว่าจะเอาอยู่หรือไม่
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในเรื่องนี้เราควรจบกันได้ เดินไปข้างหน้าดูปัญหาเรื่องพนันออนไลน์ เรื่องบ่อน โจรดีกว่า ทุกท่านที่อยู่ที่ สตช.มีหน้าที่อยู่แล้ว โฟกัสในเรื่องที่ควรโฟกัส นายตำรวจทั้งสองท่านถูกโยกมาที่สำนักนายกฯ แล้ว ให้กระบวนการยุติธรรมเดินต่อไปได้อย่าไปกดดัน อย่าชี้นำ เมื่อถึงเวลา ก็ออกมาชี้แจงกันเอง ซึ่งรักษาการตำรวจแห่งชาติก็มีหน้าที่ดูแลประชาชน เราต้องกลับมาว่าเราอยู่ตรงนี้ เราอยู่เพื่อใคร เพื่อประชาชนก็ต้องเดินต่อไป ควรจบดราม่าได้แล้ว กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าแล้วปราศจากการแทรกแซงจากทุกฝ่าย ซึ่งตนได้พูดคุยกับรองผบ.ตร. รักษาราชการแทน ซึ่งบ่ายวันนี้จะมีนโยบายหลักสั่งงาน
ส่วนผลการสอบของคณะกรรมการจะเสร็จทันใน 60 วันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่าตนไม่รับรองขึ้นอยู่กับบริบทการค้นหาความจริง หากจะเกินเป็น 62วัน แล้วพิสูจน์แล้วว่าไม่ผิดก็กลับเข้ารับหน้าที่ ซึ่งเมื่อวานนี้ย้ำชัดเจนว่าคำสั่งย้าย ทั้งสองท่านไม่ได้ถูกลงโทษ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เชื่อว่าหลังจากนี้จะไม่เกิดปัญหาอีกใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ผมหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก ส่วนที่จะสร้างภาพลักษณ์ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ผมว่าคำว่าสร้างภาพเป็นคำพูดที่ผิด ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาสร้างภาพ ภาพที่ออกไปเป็นภาพสะท้อนการจัดการ ผมเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาภาพจะออกไปเอง ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่าเป็นกลบปัญหามากกว่าแก้ นายกรัฐมนตรีตอบว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ สำหรับคนที่อาจจะมองไม่ตรงกัน ไม่เป็นไรให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้การกระทำเป็นตัวบ่งบอก ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายหรือเปล่า
ภายในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 09.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไปรายงานตัวกับ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่ทำเนียบรัฐบาล และรายงานตัวกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
และมีรายงานว่า ทางด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะไป เข้าเวรราชองครักษ์ ระหว่าง วัน ที่ 21 และ 22 มีนาคม จากนั้นจะตามเสด็จพระราชดำเนินไปที่ จ.พิจิตร เพื่อถวายความปลอดภัยตามหน้าที่