ไม่พบผลการค้นหา
'ประวิตร' ยิ้มร่า ต้อนรับ 'อุตตม-สนธิรัตน์' คืนถิ่น 'พปชร.' เสริมแกร่งทีมเศรษฐกิจ พร้อม 'วิชญ์' ดูแลทั้งพรรค ย้ำเป็นสัญลักษณ์ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่มีติดใจ พร้อมร่วมงาน

วันที่ 30 ม.ค. พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันให้การต้อนรับสมาชิกใหม่ ประกอบด้วย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน

ในตอนต้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทั้ง 2 หัวหน้าพรรค และ 1 เลขาธิการพรรค เป็นการเน้นย้ำนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐ โดย อุตตม และ สนธิรัตน์ จะมาดูแลด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดย พล.อ.วิชญ์ นั้น พล.อ.ประวิตร ตอบติดตลกว่า ดูแลทั้งพรรค

เมื่อถามว่า การมาของทั้ง 3 คน จะช่วยให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แบบนี้ต้องให้ประชาชนเลือก สื่อมาถามแบบนี้ไม่ได้ มันผิด ถ้าจะให้ตนเป็นนายกฯ คนที่ 30 ประชาชนต้องเป็นคนเลือก ตนถึงจะได้เป็น ถ้าประชาชนไม่เลือกตนจะได้เป็นได้อย่างไร

ถามย้ำว่า แคนดิเดตนายกฯ มี พล.อ.ประวิตร เพียงคนเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมไม่รู้ พอบอกว่าไม่รู้ ก็บอกว่าไม่รู้อีก" พร้อมหัวเราะ

ส่วนที่ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ซึ่งเคยประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นั้น พล.อ.ประวิตร ย้อนถามทันทีว่า ใครบอก ถ้า มิ่งขวัญ บอกเอง ก็ต้องไปถามเจ้าตัว พร้อมย้ำว่า มิ่งขวัญ ก็ยังอยู่กับพรรคเหมือนเดิม ช่วยทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ต้องห่วง ในพรรคมีงานให้ทำเยอะแยะ ไม่ทับซ้อนกับ อุตตม และ สนธิรัตน์ เพราะเรื่องเศรษฐกิจมีเยอะที่ต้องทำให้กับประชาชน ให้กับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น

เมื่อถามว่าแล้วใครจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ก็เป็นกันทั้งหมด ไม่เป็นไรหัวหน้ามีได้หลายคน

ส่วน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคสร้างอนาคตไทย จะตามมาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถาม สมคิด เอง มาถามผมได้อย่างไร พร้อมปฏิเสธว่าตนยังไม่ได้คุยกับ สมคิด

เมื่อถามต่อไปว่า จะป้องกันความขัดแย้งภายในพรรคได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่า ไม่เคยมีความขัดแย้ง การที่ อุตตม และ สนธิรัตน์ เคยออกจากพรรคไป ก็ไม่ใช่เพราะความขัดแย้ง แต่ออกไปเพราะไปทำพรรคของตัวเอง

ด้าน อุตตม กล่าวว่า สาเหตุที่ย้ายกลับเข้ามาพรรคพลังประชารัฐ สิ่งสำคัญที่สุดในการทำการเมือง คือสร้างความปรองดอง ต้องขอขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ที่ได้เชิญชวนพวกตนมาทำงานร่วมกัน ในเวลานี้ที่ประเทศชาติต้องการเดินหน้า ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้แสดงอุดมการณ์มุ่งมั่นชัดเจน ในการรวบรวมผู้คนจากหลายฝ่าย มาทำงานด้วยกัน ถือว่าตนและเพื่อนได้รับเกียรติอย่างยิ่ง

"พวกผมก็เคยเป็นสมาชิกเก่าในบ้านหลังนี้ และมีส่วนริเริ่มสร้างพรรคพลังประชารัฐมา มีส่วนคิดและผลักดันนโยบาย เช่น เรื่องประชารัฐสวัสดิการ บัตรประชารัฐ วันนี้พวกผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะเราได้ทำมาพักหนึ่ง เมื่อไม่มีโอกาสได้ทำต่อเราก็เฝ้าดูว่างานจะเดินต่อไปได้สมบูรณ์เพียงใด วันนี้ถือเป็นโอกาสเมื่อเราได้กลับมาทำงานร่วมกัน ซึ่งหัวหน้าพรรคได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าท่านจะนำพรรคขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ พวกผมยินดีจะมาทำงานกับทุกท่าน ที่มีอุดมการณ์ร่วมกันกับหัวหน้าพรรคว่า วันนี้ก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว"

ส่วนกรณีที่เจรจาตกลงกันไม่ได้กับพรรคไทยสร้างไทยนั้น อุตตม ชี้แจงว่า เรื่องการเจรจากับพรรคอื่นนั้นตามที่ได้รับทราบกันแล้ว ว่าไม่ได้ลงตัว ขออนุญาตสงวนรายละเอียดไว้ แต่ไม่ได้มีอะไรนำไปสู่ความขัดแย้ง ถือว่าเราพิจารณาทำในสิ่งที่ดีที่สุด

สำหรับความขัดแย้งครั้งเก่าไม่ติดใจแล้วใช่หรือไม่ อุตตม ย้ำว่า ท่านหัวหน้าพรรคได้พูดไปแล้ว ว่าวันนี้เป็นเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง มาเพื่อสร้างความปรองดอง ไม่มีอะไรติดใจ ตอนพวกตนเดินออกก็ไม่ได้มีความขัดแย้ง เรื่องความเห็นต่างเข้าใจไม่ตรงกันคลาดเคลื่อนกันบ้าง ธรรมดามาก เกิดขึ้นได้ในวงการเมือง แต่วันนี้ถ้าเราตั้งใจพร้อมกันแล้วว่ามาทำด้วยกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ติดใจอะไรทั้งนั้น

อุตตม ยังปฏิเสธว่า ไม่มีเงื่อนไขต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ขณะที่พรรคสร้างอนาคตไทยก็ยังเดินต่อไปได้ในฐานะพรรค ซึ่งแน่นอนว่า จะมีผู้บริหารใหม่ มีทีมงานที่เข้ามาสานต่อ และเชื่อว่าจะมีสมาชิกจากพรรคเดิมทยอยตามเข้ามาอีก

"การที่ก้าวเข้ามาในพรรคพลังประชารัฐ พวกผมได้ปรึกษากับ อ.สมคิด ท่านก็ยินดี ท่านบอกว่าตราบใดที่เป็นการมาช่วยกัน แล้วทำให้ประเทศชาติเดินไปได้ ปรองดอง ลดความขัดแย้ง ท่านยินดี และสนับสนุน ดังนั้นความสัมพันธ์ก็ยังเหมือนเดิม ส่วนจะมาช่วยอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ผมตอบแทนท่านไม่ได้"

ขณะที่ สนธิรัตน์ เผยว่า ความรู้สึกวันนี้เหมือนได้กลับบ้าน เพราะหลายคนในที่นี้ก็รู้จักคุ้นเคย มาที่นี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกอะไร เพราะเรามีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ก็ยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้กลับมาร่วมทำงาน กับท่านหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรค

"วันนี้เป็นสัญลักษณ์ว่า ประเทศต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ที่ผ่านมาประเทศอ่อนแอเพราะเราแตกเป็นส่วนๆ อย่างมาก ทำให้ความเข้มแข็งของสถาบันการเมืองอ่อนแอลง สิ่งที่สำคัญที่สุด สถาบันการเมืองพรรคการเมืองต้องเข้มแข็ง"

สนธิรัตน์ ย้ำว่า ต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่า การเมืองไทยยังมีทางออก และยังมีความหวัง ดังนั้น สิ่งที่นักการเมืองอย่างพวกตน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าเราช่วยกัน ปรองดองกัน ไม่แตกแยก มุ่งร้ายทำลายกัน เราทำด้วยความเต็มใจ ด้วยความตั้งใจ ที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราจะได้เจอกับพรรคการเมืองต่างๆ ก็ด้วยอุดมการณ์เหล่านี้ แต่องค์ประกอบการเมืองต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสโชคดีที่ได้มาเจอกับหัวหน้าพรรคซึ่งสามารถร่วมงานกันได้อย่างสบายใจ

"อย่าไปมองการเมืองว่าเป็นการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย วันนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่แสดงให้ประชาชนคนไทยได้เห็น ว่าการเมืองที่แท้ คือการเมืองเชิงสมานฉันท์ และคิดเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก"

สำหรับ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า เป็นความโชคดีของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีท่าน พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค นำพวกเราไปสู่จุดมุ่งหมายได้ในที่สุด วันนี้เราเห็นได้ชัดเลยว่า ความเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นจะนำพาให้ประเทศพ้นวิกฤต โอกาสนี้ขอกราบขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ทำให้ทุกคนได้เห็น ตนยินดีกับสมาชิกทุกคน และเต็มใจที่จะทำทุกอย่างให้พรรคเป็นรัฐบาลให้ได้