เมื่อปี 2016 การบริโภคสินค้าหรูทั่วโลกตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งปัจจัยที่สำคัญมาจากแรงขับเคลื่อนตลาดสินค้าหรูจากผู้บริโภคในจีนที่ลดลง เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนชะลอตัว การเติบโตของตลาดสินค้าหรูทั้งในจีนและต่างประเทศก็ลดลงด้วย จนทำให้เกิดความกังวลว่า ลูกค้าชาวจีนอาจไม่มีความต้องการสินค้าหรูที่เคยใช้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการแมคคินซีย์ แอนด์ คัมพานีระบุว่า เมื่อปี 2008 คนจีนยังซื้อสินค้าหรูคิดเป็นร้อยละ 12 ของการบริโภคทั่วโลกเท่านั้น แต่ 8 ปีให้หลัง แมคคินซีย์ และคัมพานีประเมินว่า มากกว่าร้อยละ 75 ของการเติบโตในตลาดสินค้าแบรนด์หรูทั่วโลก มาจากชาวจีนทั้งภายในจีนและในต่างประเทศ
ในปี 2016 มีชาวจีนซื้อสินค้าหรูมากถึง 7,600,000 ครัวเรือน มากกว่าจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในมาเลเซียหรือเนเธอร์แลนด์ด้วยซ้ำ และในแต่ละครัวเรือนที่ซื้อสินค้าหรูได้ใช้จ่ายเงินไปกับสินค้าหรูเฉลี่ย 71,000 หยวนหรือกว่า 355,000 บาทต่อปี ซึ่งมากกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีของครอบครัวฝรั่งเศสหรืออิตาลีถึง 2 เท่า
รายงานการวิเคราะห์ตลาดล่าสุดของแมคคินซีย์ แอนด์ คัมพานีพบว่า ช่วงปี 2008 - 2014 จำนวนลูกค้าชาวจีนที่ซื้อสินค้าหรูเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถเข้าถึงสินค้าราคาแพงได้ง่ายขึ้น แต่หลังปี 2015 ปัจจัยที่ช่วยให้มูลค่าการซื้อสินค้าหรูเพิ่มขึ้นได้เปลี่ยนจากกลุ่มเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งซื้อสินค้าหรูเป็นครั้งแรกไปเป็นการทำให้ลูกค้าเดิมกลับมาซื้อสินค้าอีก ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนี้หมายความว่า เจ้าของแบรนด์หรูต้องลงทุนกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ให้กับลูกค้าเดิม มากกว่าการบุกหาลูกค้าใหม่
ที่ผ่านมา ผู้ซื้อสินค้าหรูในจีนส่วนใหญ่จะอยู่ในครอบครัวที่มีรายได้สูง โดยปัจจุบัน ผู้ซื้อสินค้าแบรนด์หรูมากถึงร้อยละ 50 เป็นคนที่มีรายได้สูง คิดเป็นมูลค่ามากถึงร้อยละ 88 ของการใช้จ่ายสินค้าหรูทั้งหมดของจีน จึงควรมุ่งกระตุ้นให้ลูกค้าเหล่านี้กลับมาซื้อสินค้าแบรนด์ของตัวเอง
นอกจากนี้ แมคคินซีย์ แอนด์ คัมพานียังสังเกตว่า คนยุคนี้ใช้เวลาตัดสินใจซื้อของภายใน 1 วันเท่านั้น ดังนั้น การพูดปากต่อปากจึงสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ โดยการซื้อสินคาหรูถึงร้อยละ 30 เป็นการซื้อตามการรีวิวของเพื่อนและคนในครอบครัว เพิ่มขึ้นมาจากร้อยละ 14 จากปี 2010
อาจพูดได้ว่า แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังมีลูกค้าที่สนใจสินค้าหรูอยู่อีกจำนวนมาก แต่แบรนด์หรูจำเป็นต้องปรับแนวทางในการดึงดูดให้ลูกค้ากลุ่มนี้ยังสนใจสินค้าของพวกเขา