องค์การอนามัยโลกวางแผนกำจัดไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหารภายในปี 2023 ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือดได้มากถึง 500,000 คนต่อปี
ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงข่าวในงานประชุมที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ว่า ปัจจุบันผู้ผลิตจำนวนไม่น้อยนิยมนำ ‘Trans fat’ หรือไขมันทรานส์ มาเป็นส่วนประกอบในอาหารประเภททอด อบ และของขบเคี้ยว เพราะจะช่วยให้วางขายบนชั้นวางของได้นานกว่า แต่ไขมันทรานส์ถือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจถึง 21 เปอร์เซ็นต์ และยังเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 28 เปอร์เซ็นตร์
โดยองค์การอนามัยโลกได้เผยกลยุทธ์ในการกำจัดไขมันทรานส์ว่า ต้องมีการสนับสนุนให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น และยังเตรียมออกกฎห้ามไม่ให้ผู้ผลิตใส่วัตถุดิบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเข้าไปในอาหาร ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยลดการใช้ไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร และทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจน้อยลง
ปัจจุบันประเทศที่ร่ำรวยหลายแห่งประสบความสำเร็จในการกำจัดไขมันทรานส์ ด้วยการจำกัดปริมาณไขมันชนิดนี้ในอาหารบรรจุสำเร็จ และในบางประเทศก็มีการแบนไม่ให้ใช้น้ำมันพืชที่เติมไฮโดรเจนบางส่วน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้ออกร่างคำแนะนำในการบริโภคไขมันทรานส์เป็นฉบับแรก นับจากปี 2002 โดยระบุว่าผู้ใหญ่และเด็กควรบริโภคไขมันทรานส์เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ จากปริมาณแคลอรีทั้งหมดที่ได้จากอาหารในแต่ละวัน