วันที่ 18 เม.ย. ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลสำรวจของหลายสำนัก ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้นำอันดับ 1 ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร มีแนวทางชัดเจน อยากจะประนีประนอมพูดคุยกับทุกฝ่าย เพราะวันนี้สังคมไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสุดโต่ง ทั้งฝ่ายซ้ายจัดและขวาจัด บางคนอยากเปลี่ยนประเทศ บางครั้งเป็นการเปลี่ยนที่ไกลเกินไป คนไทยรับไม่ได้อาจจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงในอนาคต บางคนคิดแต่เรื่องที่เป็นเรื่องครอบครัวหรือส่วนตัวมากเกินไป ทำให้ประชาชนรับไม่ได้ ความขัดแย้งจึงมีโอกาสเกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาจทำให้บ้านเมืองมีปัญหาได้ในอนาคต

ชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร อยากมาก้าวข้ามความขัดแย้งรับฟังทุกฝ่าย ประสานให้ทุกคนทำงานร่วมกัน เราคิดต่างได้ แต่ต้องหาทางออกด้วยกัน ทำงานด้วยกันให้ได้ ต้องมีการพูดคุยกัน และลุงป้อมจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ทำให้ทุกคนทำงานร่วมกัน รักกันสามัคคีกัน สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้า ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อก้าวข้ามความยากจน 

ส่วนกรณีที่ผลสำรวจอื่นที่ พล.อ.ประวิตร ไม่ติดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนเองได้ติดตามการทำผลสำรวจและสอบถามกลุ่มคนต่างๆ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนนิยมอยู่พอสมควร คนที่รัก พล.อ.ประวิตร และเข้าใจแนวทางของพรรคมีอยู่เยอะ ลงพื้นที่คนชอบเราเยอะ แต่คนเหล่านี้ไม่ได้ไปตอบฃผลสำรวจ เพราะบางผลสำรวจเป็นออนไลน์ จึงทำให้คะแนนนิยมพรรคพลังประชารัฐไม่ดี เชื่อว่าคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐดี เป็นนายกรัฐมนตรีในความเป็นจริง ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีในโลกออนไลน์ ส่วนช่วงโค้งสุดท้าย จะเน้นประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคและแถลงข่าวให้ประชาชนได้เข้าใจนโยบายของพรรคมากขึ้น เพื่อให้มีชื่อติดในผลสำรวจอื่นๆ

ด้านวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงกำหนดการปราศรัยอย่างเป็นทางการของพรรคพลังประชารัฐว่า ในพรุ่งนี้ 19 เม.ย. ที่ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ในเวลา 17.00 น. โดย วิรัชกล่าวว่า สำหรับไฮไลต์การปราศรัยของพรรคนั้น จะอยู่ที่วันเสาร์ที่ 22 เม.ย. นี้ โดย พล.อ.ประวิตร จะขึ้น ขบวนรถไฟไปหาเสียงที่ จ.นครราชสีมา 

โดยนัดพบกันที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ในเวลา 06:30 น. จากนั้นขึ้นขบวน และแวะทักทายประชาชนในแต่ละสถานีผ่านเครื่องขยายเสียง อาทิ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา พาชี สระบุรี กลางดง ปากช่องสีคิ้ว สูงเนินและลงจากขบวนรถไฟที่ จ.นครราชสีมา เพื่อขึ้นเวทีปราศรัย 

วิรัช กล่าวว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของพรรคพลังประชารัฐในการขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปหาเสียง ซึ่งเป็นดำริของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เอง และยืนยันอีกว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนั้น พรรคพลังประชารัฐมีการปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงในทุกสัปดาห์ โดยพิจารณาจากโพลทุกสำนัก ส่วนกระแสความนิยมนั้น ที่พรรคพลังประชารัฐมีความนิยมน้อยนั้นมองว่า มาช้าๆ และทำใจไว้แล้ว แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาก็เห็นว่าหักปากกาเซียนตลอด และไม่กังวลกับวิชามารต่างๆ