ไม่พบผลการค้นหา
‘ประวิตร’ เผยท่าทีหลังกระแสข่าวเตรียมนั่งนายกฯ คนที่ 30 บอกข่าวก็คือข่าว ย้ำรอดูท่าที 'เพื่อไทย-ก้าวไกล' ปมเสนอแคนดิเดตประธานสภาฯ

วันที่ 2 ก.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตนี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนกิจกรรมปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ พรรคพลังประชารัฐ ถึงกระแสข่าวการพลิกขั้วรัฐบาล และเตรียมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า "ข่าวก็คือข่าว" 

เมื่อถามต่อว่า ไม่ใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า "ไม่รู้" เมื่อถามต่อว่า การประชุม ส.ส. ในวันนี้จะมีการพูดคุยถึงทิศทางการโหวตเลือกประธานสภาฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ส่ายหัว 

ทั้งนี้ ภายหลังการปฐมนิเทศ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงทิศทางการโหวตเลือกประธานสภาฯ ว่า เดี๋ยวคงมีประชุมกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเช้าก่อนวันที่ 4 ก.ค. 

ส่วนสัญญาณในการนั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี และที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุยกับกลุ่มใดเลย ทั้งนี้ที่ผ่านมามักมีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ซึ่งย้ำว่า "ข่าวก็คือข่าว ผมก็ตอบไปแล้ว"

ด้าน ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ กล่าวถึงทิศทางการโหวตประธานสภาฯ ของพรรคว่า พล.อ.ประวิตร ได้ให้หลักการไว้ว่า ส.ส. ของพรรคทั้ง 40 คนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน หมายความว่าเราจะดูหน้างานในวันที่ 4 ก.ค. ก่อนการประชุมจะเริ่มว่า พรรคไหนเสนอชื่อใครบ้าง และเราก็จะรู้ว่าใครเหมาะสมเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะคุยกันและมีฉันทามติให้โหวตไปทิศทางเดียวกัน

ธรรมนัส กล่าวอีกว่า พรรคพลังประชารัฐ มีหลักการ และมีมารยาททางการเมืองว่า พรรคพลังประชารัฐจะไม่เสนอท่านใดเป็นประธานสภาฯ อย่างเด็ดขาด ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะเสนอชื่อแข่งนั้น เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ลพรรค เมื่อมีการเสนอ เราก็พิจารณาดูว่า เหมาะสมที่จะเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ แล้วค่อยโหวตไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเสนอกี่คนก็ตาม 

ส่วนจะมีความชัดเจนหรือไม่ หากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อประธานสภาฯ แล้วพรรคพลังประชารัฐจะโหวตให้ ธรรมนัส กล่าวว่า ต้องดูว่าเสนอท่านใด เพราะการเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องควบคุมการประชุมสภาฯ ให้เป็นที่เรียบร้อย ไม่ใช่เรื่องง่าย 

เมื่อถามย้ำว่า สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 2 มีความเหมาะสมหรือไม่ ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปเน้นตัวบุคคล แต่ละพรรคเสนอคนใดบ้าง พรรคพลังประชารัฐจะมีการพูดคุยกัน และท้ายที่สุดหัวหน้าพรรคจะคุยกับกรรมการบริหารพรรคเพื่อออกมาเป็นฉันทามติให้ ส.ส. ทั้ง 40 คนโหวตเหมือนกันภายในเช้าวันที่ 4 ก.ค. 

เมื่อถามว่า ระหว่างแคนดิเดตประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างไรบ้าง ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปพูดเลย พูดไปเดี๋ยวก็เป็นประเด็น เอาเป็นว่า พรรคพลังประชารัฐมีความสามัคคีกัน 40 เสียงจะไปในทิศทางเดียวกัน 

ส่วนกระแสข่าวการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ธรรมนัส กล่าวว่า ที่ผ่านมาในการพูดคุยของกรรมการบริหารพรรค หลักการเรายังยืนยันเหมือนเดิม เราขออยู่ในที่ตั้งนิ่งๆ ดูสถานการณ์ในวันที่มีการเลือกประธานสภาฯ หลังจากนั้นยังมีเวลาที่จะนั่งคุยกัน 

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีการพลิกขั้วตั้งรัฐบาลระหว่าง พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ธรรมนัส กล่าวว่า ณ เวลานี้ ยังไม่มีการพูดคุย และไม่มีดีลลับอะไรตามที่เป็นข่าว เหมือนที่หัวหน้าพรรคระบุว่า “ข่าวก็คือข่าว” แต่ข้อเท็จจริงยังไม่มีอะไร ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาอยู่ตลอดนั้น ธรรมนัส เปรียบว่า นึกเสียว่าตอนนี้เรากำลังดูซีรี่ย์เกาหลี กับลิเกอยู่ อย่าไปคิดมาก 

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐที่ถือเป็นพรรคตรัวแปรจะเตรียมการอย่างไรหาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ธรรมนัส กล่าวว่า อยู่ที่การบรรยายแก่ ส.ส.ทั้ง 40 คน ในช่วงบ่ายนี้ 


เมื่อถามว่า หลายคนมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในสภาฯ ครั้งนี้จะมีงูเห่ายิ่งกว่า สถานเสวภา (สวนงู) แตก ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่าลืมว่า ต้นตำรับลิงกินกล้วยก็คือผมนะ ยืนยันว่า ไม่มี มีแต่ข่าวลือ