ไม่พบผลการค้นหา
ซีเอ็นเอ็นยืนยันว่า 'แอนโทนี บอร์เดน' เสียชีวิตที่ห้องพักในโรงแรมฝรั่งเศส ขณะที่เขากำลังถ่ายทำตอนใหม่ของรายการอาหารและการเดินทาง Parts Unknown ที่จะออกฉายทางซีเอ็นเอ็น และเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

'แอนโทนี บอร์เดน' เชฟชาวอเมริกัน วัย 61 ปี ผู้เขียนหนังสือเปิดโปงด้านมืดของร้านอาหารหรูในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ก่อนที่จะผันตัวมาดำเนินรายการด้านอาหารและการเดินทาง Parts Unknown ทางช่อง CNN เสียชีวิตที่ฝรั่งเศส วันนี้ (8 มิ.ย.) โดยมีผู้พบศพของเขาภายในห้องพักโรงแรม และซีเอ็นเอ็นยืนยันว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ขณะที่สื่ออื่นๆ รายงานว่าเขาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง แต่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม

แม้ว่าบอร์เดนจะถูกสื่อตั้งฉายาว่า 'แบดบอย' แห่งวงการเชฟ แต่เขาก็เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ดำเนินรายการที่โด่งดังติดอันดับช่วงไพรม์ไทม์ของช่องซีเอ็นเอ็นมาตั้งแต่ปี 2556 และได้รับรางวัลเอ็มมีและรางวัลพีบอดีจากผลงานโทรทัศน์เมื่อปี 2559

ในปีเดียวกัน บอร์เดนยังกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อเขาชวนให้ 'บารัก โอบามา' อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนเวียดนามเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ร่วมรับประทาน 'บุ๋นจ๋า' อาหารท้องถิ่นเวียดนาม ในร้านอาหารข้างทาง ซึ่งทางร้านยังคงติดภาพโอบามาและบอร์เดนประดับร้านจนถึงวันนี้

"เราต่างทิ้งร่องรอยเอาไว้บนโลกใบนี้"

บัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของซีเอ็นเอ็น กล่าวถึงบอร์เดนว่า เขาคือเชฟและนักบอกเล่าเรื่องราวที่มีพรสวรรค์ ซึ่งพาผู้ชมรายการไปสำรวจโลกแห่งอาหาร ทั้งด้านวัฒนธรรมและความเป็นมนุษย์ พร้อมทั้งนำข้อความที่บอร์เดนเคยพูดไว้ในรายการมาเผยแพร่เป็นการไว้อาลัย


"ถ้าผมจะต้องเป็นตัวแทนของอะไรสักอย่าง ก็น่าจะเป็นการมุ่งไปข้างหน้า ไกลที่สุดและมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ข้ามมหาสมุทร หรือจะข้ามแม่น้ำง่ายๆ ก็ได้ และต้องลองมองในมุมของคนอื่นๆ หรืออย่างน้อยที่สุดก็กินอาหารแบบเดียวกับที่พวกเขากิน"


แอนโทนี บอร์เดน

ขณะที่ยูเอสเอทูเดย์รายงานว่าครั้งหนึ่ง บอร์เดนเคยพูดถึงร่องรอยจากการเดินทางและการใช้ชีวิตในรายการ Parts Unknown ของเขาด้วย


"ในระหว่างที่คุณเคลื่อนไหวไปกับชีวิตและโลกใบนี้ คุณอาจเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างไป คุณทิ้งร่องรอยเอาไว้ข้างหลัง แม้จะเล็กน้อยก็ตาม--ในทางกลับกัน หลายครั้งหลายหน ชีวิตและการเดินทางทิ้งร่องรอยเอาไว้กับคุณ ร่องรอยเหล่านั้น อยู่บนร่างกายและจิตใจของคุณ มันสวยงาม แต่บ่อยครั้ง-ก็เจ็บปวด"


ก่อนหน้านี้ นิตยสารพีเพีลเคยเผยแพร่บทสัมภาษณ์บอร์เดน ซ่ึงบอกไว้ว่า 'เอเรียน' ลูกสาววัย 11 ปี เป็นคนที่เขารักและต้องดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย

คนดังร่วมอาลัยการจากไปอย่างกะทันหัน

สิ่งที่ทำให้บอร์เดนได้รับการยอมรับจากทั้งวงการอาหารและวงการสื่อมวลชน เป็นเพราะเขาและทีมงานขับเคลื่อนรายการเชิงสารคดีได้อย่างแปลกใหม่และเข้าถึงผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยรายการของเขาไม่ได้เน้นอาหารที่ได้รับรางวัลหรือเสิร์ฟในโรงแรมหรูหราระดับมิชลินสตาร์ แต่กลับเจาะจงไปที่อาหารท้องถิ่นในแต่่ละพื้นที่ทั่วโลก โดยมุ่งหวังที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์และความเป็นมาของอาหารเหล่านั้นในแง่มุมที่เกี่ยวโยงกับชีวิตของผู้คน สะท้อนให้เห็นความหลากหลายทางอาหารและวัฒนธรรม

นอกจากนี้ บอร์เดนยังเป็นผู้เคลื่อนไหวต่อต้านการกดขี่ค่าแรงในแวดวงร้านอาหาร รวมถึงสนับสนุนการต่อสู้ของกลุ่มผู้หญิงในแวดวงบันเทิงฮอลลีวู้ดที่รวมตัวกันต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ หรือขบวนการ #MeToo

การเสียชีวิตของบอร์เดนทำให้คนในแวดวงต่างๆ แสดงความอาลัยกันอย่างคับคั่ง แต่การจากไปของคนดังในแวดวงอเมริกันครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ 'เคท สเปด' ดีไซเนอร์และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น Kate Spade ฆ่าตัวตายในอพาร์ตเมนต์ส่วนตัว ทำให้ผู้ที่ไว้อาลัยบอร์เดนกล่าวเตือนผู้ใช้สื่อโซเชียลที่คิดฆ่าตัวตายให้ติดต่อขอรับคำปรึกษาและป้องกันการฆ่าตัวตายจากโทรศัพท์สายด่วนต่างๆ

หนึ่งในคนดังที่ร่วมไว้อาลัยบอร์เดน ได้แก่ 'กอร์ดอน แรมซีย์' เชฟชื่อดังชาวอังกฤษจากรายการมาสเตอร์เชฟ และเจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์รวม 16 ดาว ได้ทวีตข้อความรำลึกถึงบอร์เดน ในฐานะที่เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกออกเดินทางหาประสบการณ์ด้านอาหารในดินแดนแปลกใหม่ ทั้งยังมีการระบุเบอร์โทรศัพท์สายด่วนแก่ผู้ที่รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย ทั้งในสหรัฐฯ และอังกฤษด้วย

ที่มา: CNN/ USA Today/ People

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: