วันที่ 23 ต.ค. 2565 ที่พระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะร่วมวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการส่งไม้ต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สู่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ตนขอที่จะไม่แสดงความเห็นในนามของพรรคเพื่อไทย แต่ถ้ามองภาพการเมืองทั่วไปก็ถือเป็นสิ่งที่สามารถเสนอได้ แต่ต้องถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะมีการส่งไม้ต่อจาก “ลุงตู่ สู่ ลุงป้อม” ผลัดกันเป็นนายกฯคนละ 2 ปี เพราะเรื่องนี้ต้องอาศัยความเห็นพ้องของประชาชน ถ้าเสนอแล้วประชาชนเลือก แสดงว่าประชาชนต้องการ
ซึ่งพรรคเพื่อไทยมองว่า ประชาชนไม่เลือกแน่นอน 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนเจอวิกฤตจากการบริหารของเหล่าอดีตคสช. ที่ใช้กฏหมายพิเศษแต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ พอมาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ยังมีสภาพเดิม เจอภาวะวิกฤตต่างๆก็ไม่สามารถออกมาได้เลย ดังนั้น จะส่งต่ออย่างไร ถ้าประชาชนไม่เลือก ก็เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้นเอง
“ในมุมเพื่อไทยได้ประโยชน์เลย อยากให้มีการส่งต่อแบบนี้ ประชาชนจะได้มีข้อตัดสินใจที่ชัดเจนว่าจะต้องหาทางออกและหันมาเลือกเพื่อไทย” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน ยืนยันด้วยว่า ต่อให้เป็น พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้สร้างความกังวล เพราะพรรคเพื่อไทยเราพร้อมแข่งขันกับทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าระบบจะเป็นอย่างไร ระบบที่เลวร้ายที่สุดก็ผ่านมาแล้ว หากเป็น พล.อ.ประวิตร จริง มองว่า มีข้อดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในมุมของนักการเมืองที่เข้าใจประชาชน มองเห็นสภาพปัญหา มีความเป็นมนุษย์มากกว่า และมีความเห็นอกเห็นใจที่สูงกว่า
ส่วนพรรคเพื่อไทยจะจับมือร่วมสนับสนุนหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศชัดเจนไว้ว่า ก่อนการเลือกตั้งเราจะไม่ขอประกาศจับมือกับพรรคการเมืองใด เพราะเราเคารพประชาชน ถ้าเราประกาศจับมือกับพรรคการใด จะเสมือนการไม่เคารพประชาชนในการตัดสินใจ เป็นการนำเอาสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยมาบังคับหรือทำให้เขาไม่มีทางเลือก
ส่วนหลังเลือกตั้ง เมื่อผลคะแนนออกมา เราจะดูที่ความไว้วางใจของประชาชน ถ้าประชาชนไว้วางใจให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์เกิน 250 ที่นั่ง เราจะกำหนดทิศทางได้ว่าจะเลือกพรรคการเมืองใดมาร่วมทำหน้าที่รัฐบาลได้ ภายใต้ 3 เงื่อนไข คือ 1.ต้องมีอุดมการณ์การทำงานเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย 2. เราไม่เลือกพรรคที่สนับสนุนเผด็จการหรือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ 3. การทำงานร่วมกัน ว่าจะสามารถสอดประสานกันเพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาล แล้วจะไปด้วยกันได้หรือไม่ รวมถึงการเจรจาที่จะทำงานภายในกระทรวงต่างๆ ถ้าพรรคพลังประชารัฐมีคุณสมบัติครบเงื่อนไขก็สามารถร่วมงานได้ หรือถ้าไม่มีแคนดิเดตนายกฯเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องไปดูว่าตรงกับเงื่อนไข 3 ข้อหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อถามว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย จะสู้ของพรรคการเมืองอื่นได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แคนดิเดตนายกฯของเราเป็นกลไกสำคัญในการที่จะบอกกับประชาชนให้ตัดสินใจเลือกเพื่อไทย โดยอาศัย 3 กลไกหลักคือ 1.นโยบาย 2.ตัวแคนดิเดตนายกฯ 3. ว่าที่ผู้สมัครฯที่อยู่ในพื้นที่ นี่คือความเข้มแข็งของเพื่อไทย เรามั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯเราจะตอบโจทย์ประชาชนทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจการเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม