ไม่พบผลการค้นหา
’ชลน่าน’ ชี้ ‘ประวิตร’ นั่งนายกฯสำรองได้ต้องการสืบทอดอำนาจ ย้ำฝ่ายค้านขออีก 30 เสียงล้ม 'ประยุทธ์' ในเวทีศึกซักฟอก เชื่อ ส.ส.พรรคเล็กต้องการกู้วิกฤตศรัทธาในสภาฯ หวังจับมือฝ่ายค้านชำแหละนายกฯ

วันที่ 5 พ.ค. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นถึงความเป็นไปได้กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้ามานั่งนายกรัฐมนตรีสำรองว่า โดยหากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญ จำเป็นจะต้องมีนายกรัฐมนตรีรักษาการ เว้นแต่พ้นจากตำแหน่งด้วยเงื่อนไขให้ปลัดกระทรวงขึ้นมาดำรงตำแหน่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งผู้อำนาจต้องคุยกันว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งใครจะเข้ามาทำหน้าที่แทน ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มีโอกาสเป็นนายกฯสำรองได้ตามกระบวนการ แต่อยู่ที่ผู้อำนาจจะเลือกใคร หากอยากต้องการจะสืบทอดอำนาจต่อก็คงเลือก พล.อ.ประวิตร แต่หากเห็นแก่ชาติบ้านเมืองก็คงเป็นคนอื่น 

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงการเลือกนายกรัฐมนตรี เดิมคือเลือกจากบัญชีแคนดิเดตที่พรรคการเมืองเคยเสนอไว้ก่อน ซึ่งมี 5 รายชื่อ ประกอบด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชัยเกษม นิติศิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากยังไม่สามารถเลือกได้อีก สามารถใช้กลไกรัฐสภาเข้าเชื่อ 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด เปิดช่องเลือกนายกฯคนนอกได้ด้วย

ชลน่าน -40CB-AE70-F29CD995F235.jpeg

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณี ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมร่วมรับประทานอาหารกับพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หัวหน้ากลุ่ม 16 เพื่อแลกเปลี่ยนเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ที่ผ่านมาเคยพูดฟังแล้วว่าลำพังเสียงของฝ่ายค้านหากต้องการล้มรัฐบาลไม่เพียงพอ จำเป็นจะต้องกลไกทุกอย่างเพียงให้ได้มาของเสียงที่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้ยังต้องการอีกอย่างน้อย 30 เสียงเพื่อให้เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา 

ส่วนการดำเนินการของฝ่ายค้าน ยืนยันจะใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการอภิปรายตั้งข้อกล่าวหารัฐบาลทั้งสิ้น เพราะเชื่อว่าหากข้อมูลมีน้ำหนักมากพอ เป็นที่ประจักษ์ตามที่ประชาชนเห็น ส.ส.ที่เราเห็นว่าต้องการทำงานเพื่อบ้านเมืองย่อมตัดสินใจได้ ซึ่ง ส.ส.พรรคเล็กเหล่านี้ก็เปิดใจที่จะใช้สภาฯ กู้วิกฤตศรัทธาในการทำงานของผู้แทนราษฎร หลังถูกกล่าวหาว่ากินกล้วย รับผลประโยชน์รูปแบบต่างๆ ทำงานเพื่อตัวเองอย่างเดียว 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวขบวนการล้มนายกรัฐมนตรี ที่มีการตั้งค่าหัว ส.ส.สูงถึง 5-30 ล้านบาทนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ตนก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากสื่อมวลชน ไม่รู้ว่าเจตนาของผู้ปล่อยข่าวนี้มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ อย่างไรก็ดี ขบวนการล้มนายกรัฐมนตรีที่ว่านั้น เป็นกลไกตามวิถีประชาธิปไตยผ่านระบบรัฐสภาฯ ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันฝ่ายค้านไม่ล้มนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีการอื่นแน่นอน ให้ไปดูเอาเอง หาก ส.ส.ยกมือไม่ไว้วางใจ ก็สามารถสืบทราบได้อยู่แล้วว่าค่าหัวที่ตั้งไว้เป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า การที่ ส.ส.ยกมือเห็นด้วยกับฝ่ายค้านนั้น เป็นเพราะความต้องการกู้วิกฤตศรัทธาให้ตัวพวกเขา หรือพรรคของพวกเขาเอง หากไปติดบ่วงอื่น ก็เท่ากับการขุดหลุมฝังตัวเองทั้งเป็น