ไม่พบผลการค้นหา
อดีตเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติแสดงความกังวล กรณีประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบตกลงที่จะพบกับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พร้อมเตือนว่าการเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือ ไม่เหมือนการทำรายการทีวี

บิล ริชาร์ดสัน อดีตเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ซึ่งเคยมีประสบการณ์เจรจากับผู้นำเผด็จการมาแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็นซัดดัม ฮุสเซน หรือผู้นำรัฐบาลทหารของเมียนมา และยังเคยเดินทางไปเกาหลีเหนือหลายครั้ง เพื่อเจรจากับนายคิมจองอิล อดีตผู้นำของเกาหลีเหนือ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นว่าการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบตกลงจะพบกับคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ แต่ก็เตือนว่าอย่าคิดว่าการพบกันครั้งนี้ ทุกอย่างจะง่ายเหมือนรายการทีวี

ริเชาร์ดสันระบุว่าเขาเป็นห่วงว่าทรัมป์จะมั่นใจในตัวเองเกินไป และเตรียมตัวไม่พอสำหรับการพบผู้นำเกาหลีเหนือ เขาจึงแนะนำให้ทรัมป์เตรียมทีมให้คำปรึกษาและวางแผนการที่ดีสำหรับการพบปะกันครั้งนี้

atas02.jpg

ริชาร์ดสันกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่รายการ The Apprentice หรือรายการทีวีเรียลลิตี มันคือการเจรจากับผู้นำประเทศที่คาดเดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และเขายังมีนิวเคลียร์อย่างน้อย 20 ลูก ที่ขู่ว่าพร้อมจะยิงใส่สหรัฐฯ ทุกเมื่อ"

นอกจากนี้ ริชาร์ดสันยังไม่เชื่อว่าการพบกันครั้งนี้จะนำไปสู่การยินยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในทันที แต่ถ้าการเจรจาผ่านไปด้วยดี ก็น่าจะได้เห็นท่าทีที่เป็นมิตรของเกาหลีเหนือที่มีต่อสหรัฐฯ มากขึ้น และเกาหลีเหนืออาจจะยินยอมปล่อยชาวอเมริกันสามคนที่ถูกจำคุกอยู่ในเกาหลีเหนือให้กลับสหรัฐฯ หรืออาจคืนเถ้าอัฐิของทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในเกาหลีเหนือในช่วงสงครามเกาหลีให้กับครอบครัวที่อยู่ในสหรัฐฯ แต่แน่นอนว่าเกาหลีเหนือก็ย่อมต้องการสิ่งแลกเปลี่ยนคืนจากสหรัฐฯ เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกาหลีเหนือจะเจรจาแลกเปลี่ยนอะไรกับสหรัฐฯ บ้าง

atas03.jpg

ริชาร์ดสันยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคิมจองอึน โดยระบุว่าผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนืออาจจะดูเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ และบางทีก็เหมือนเป็นคนไม่มีเหตุผล แต่ก็ไม่ควรไปดูถูกดูแคลนเขาว่าเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ ริชาร์ดสันมองว่าคิมจองอึนเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และการที่เขาเป็นฝ่ายเชิญทรัมป์ให้ประชุมร่วมกัน เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อโลกมากที่สุดประเทศหนึ่ง และสหรัฐฯ ไม่ควรมองข้าม 

ภาพ: AP