โดยเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) มีเสียงปืนหลายนัดดังขึ้นใกล้กันกับบ้านพักของประธานาธิบดีในกรุงวากาดูกู ของบูร์กินาฟาโซ ก่อนที่รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าเกิดการรัฐประหารขึ้น อย่างไรก็ดี ข่าวลือดังกล่าวกลับกลายเป็นเรื่องจริง หลัง พ.ท.ปอล อองรี ซองดาวโก ดามิบา ได้อ่านประกาศการยึดอำนาจผ่านโทรทัศน์ของบูร์กินาฟาโซ
กองทัพบูร์กินาฟาโซระบุว่า การยึดอำนาจในครั้งนี้ไม่เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้น และผู้ถูกจับกุมตัวทั้งหมดอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ พรมแดนของบูร์กินาฟาโซได้ถูกปิดเอาไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ กองกำลังที่เข้ายึดอำนาจระบุว่าตนเองมีชื่อกลุ่มว่า ขบวนการผู้รักชาติเพื่อการปกป้องและฟื้นฟู (MPSR) ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“MPSR ซึ่งรวมถึงทุกกรมกองของกองทัพ ได้ตัดสินใจที่จะยุติการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีกาบอร์ลง” แถลงการณ์ของกลุ่มผู้ยึดอำนาจระบุ นอกจากนี้ กองทัพได้อ้างเหตุผลของการทำรัฐประหารว่า ประธานาธิบดีกาบอร์ไม่สามารถทำให้ประเทศชาติเกิดความสามัคคี และไม่สามารถตอบรับกับวิกฤตที่กำลังท้าทายบูร์กินาฟาโซได้
สำหรับการเปิดรัฐสภาและการใช้รัฐธรรมนูญอีกครั้งนั้น กองทัพบูร์กินาฟาโซระบุว่า “คำสั่งทางรัฐธรรมนูญ” จะถูกใช้ภายใน “เวลาที่เหมาะสม” โดยประกาศว่าประเทศบูร์กินาฟาโซจะมีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวในทุกคืนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังคงไม่มีรายงานว่าประธานาธิบดีกาบอร์ปลอดภัยดีหรือไม่
ก่อนหน้านี้ พรรคการเมืองของกาบอร์ระบุว่า ประธานาธิบดีของพวกเขาเคยเกือบถูกลอบสังหาร โดยไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดแผนการลอบสังหารดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรถเกราะจำนวนมากเริ่มขับมาจอดในบริเวณที่พักของประธานาธิบดี ก่อนเกิดการรัฐประหารขึ้นในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ดี องค์การสหประชาชาติได้ออกแถลงการณ์ประณามการทำรัฐประหารในครั้งนี้ที่เกิดขึ้นในบูร์กินาฟาโซ โดย อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติระบุว่า ตน “ขอประณามอย่างรุนแรง จากความพยายามในทุกรูปแบบของการแย่งชิงอำนาจรัฐบาลด้วยการใช้กองกำลัง” ก่อนที่จะเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การทำรัฐประหาร” เช่นเดียวกันกับสหภาพแอฟริกาและประชาคมเศรษฐกิจของรัฐแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) ที่ออกประณามกองทัพบูร์กินาฟาโซเช่นกัน
“เราขอประณามการกระทำในลักษณะต่างๆ ดังกล่าว และขอเรียกร้องความรับผิดชอบใดๆ ในการลดระดับสถานการณ์ลง ตลอดจนการปกป้องประธานาธิบดีกาบอร์จากความรุนแรง และสมาชิกรัฐบาลทุกคนที่ถูกจับกุมตัว และหวนคืนสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน และการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ” เน็ด พรายซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ “เราทราบถึงความตึงเครียดอย่างหนักในสังคมของบูร์กินาฟาโซ และกองกำลังรักษาความปลอดภัย แต่ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารถอยลง กลับไปสู่กรมกอง และพูดคุยในสิ่งที่ตนคิดผ่านบทสนทนา” สหรัฐฯ ระบุ
ที่มา:
https://www.dw.com/en/burkina-faso-heavy-gunfire-heard-near-presidents-house/a-60528316