วันที่ 12 ม.ค. ที่อาคารรัฐสภา ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยระบุว่า ขณะนี้ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความพร้อมที่จะตอบชี้แจงในญัตติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป
โดยวิปรัฐบาลมองว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เมื่อดูจากประเด็นของฝ่ายค้านมีประมาณ 20 ประเด็น ซึ่ง ฝ่ายรัฐบาลต้องเตรียมความพร้อม ในการชี้แจงประมาณ 40 ประเด็น ซึ่งทุกประเด็นที่ฝ่ายรัฐบาลได้ติดตามก็คิดว่าฝ่ายรัฐบาลจะชี้แจงได้อย่างชัดเจน แต่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักในการชี้แจงของแต่ละฝ่ายให้ประชาชนตัดสินใจ
“หลังจากนี้จะมีการนัดประชุมวิปสองฝ่ายในวันที่ 25 ม.ค. นี้ เพื่อกำหนดวันอภิปราย แต่ฝ่ายวิปรัฐบาลมองว่าใช้เวลาในการอภิปรายเพียง 2 วันก็เพียงพอแล้ว ส่วนคำพูดที่ว่า ฝ่ายรัฐบาลอย่ายุบสภาเพื่อหนีการอภิปราย วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ครม. มีความพร้อม และคงไม่มีการยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายแน่นอน พร้อมขอให้ฝ่ายค้านทำการบ้านอย่างเต็มที่” ชินวรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นี้ เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของสภาฯสมัยนี้ จึงอยากให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลอภิปรายด้วยความสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวมาอภิปราย ควรที่จะเสนอแนะปัญหาในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมา และคิดว่าทางนายกรัฐมนตรีและ ครม. จะตอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะทำให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและเชื่อว่าในโลกยุคใหม่ ข่าวสารจะถึงพี่น้องประชาชนได้อย่างกว้างขวางก็จะมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งในอนาคตด้วย
สำหรับเหตุการณ์ประชุมร่วมรัฐสภาล่มทั้ง 2 วัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ว่า การประชุมร่วมรัฐสภาทั้ง 2 วัน องค์ประชุมไม่ครบ และต้องยอมรับความเป็นจริงว่า สมาชิกรัฐสภาทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะร่างดังกล่าวเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ แม้จะมีการแก้ไขในชั้นกรรมาธิการที่ไม่สมบูรณ์บ้าง แต่ก็สามารถที่จะสงวนความเห็นและลงมติในสภาได้
อย่างไรก็ตาม ที่รัฐสภาถูกตำหนิมาก คือการไม่ครบองค์ประชุม ก็ต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง ตนจึงอยากเสนอให้จัดประชุมร่วมกันของรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อที่จะพิจารณาร่างนี้ให้เสร็จสิ้น และอยากให้ความมั่นใจกับทุกฝ่ายว่าอย่างน้อยร่างดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและลูกหลาน
“อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ หากประธานรัฐสภาเปิดประชุมรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อให้พระราชบัญญัติฉบับนี้ผ่านและได้บังคับใช้ ส่วนข้อกังวลต่างๆ สามารถไปกำหนดในกฎหมายลูกหรือระเบียบต่างๆ ได้” ชินวรณ์ กล่าว