ไม่พบผลการค้นหา
'ชินวรณ์' เผย 'ภูมิใจไทย' ปลงตก พ.ร.บ.กัญชาฯ ค้างสภา ถ้าล่มอีกก็จะโดดประชุมด้วย กังวลปัญหาองค์ประชุมปลายสมัยขาดเอกภาพ เหตุนายกฯ เปลี่ยนขั้ว มาอยู่พรรค ส.ส.เสียงเดียว

วันที่ 1 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เผยว่า ตนได้รับแจ้งจากฝ่ายวิปพรรคภูมิใจไทย ถึงความเห็นของพรรคภูมิใจไทย ต่อวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่อยู่ในสภา หากยังไม่ครบองค์ประชุมอีกพรรคภูมิใจไทยก็จะไม่ขอเข้าร่วมรับผิดชอบเป็นองค์ประชุมเช่นกัน

หลังวิปได้หารือกันแล้ว เห็นว่าเรื่องขององค์ประชุมเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคต้องรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนในฐานะวิปรัฐบาลได้ยืนยันไปแล้วว่า เรายังเห็นด้วยที่จะให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ให้แล้วเสร็จ ส่วนมติจะเป็นอย่างไร ก็ถือว่าให้เป็นไปตามที่ประชุมสภาจะเห็นชอบ

"ผมยืนยันกับพรรคภูมิใจไทยว่าเรื่ององค์ประชุมที่ยังเหลือนับจากสัปดาห์นี้ไปอีก 3 ครั้ง ขอให้ได้ร่วมมือกันในการรักษาองค์ประชุมเพราะต่อจากนี้เราก็มีวาระสำคัญทั้งนั้น"

ชินวรณ์ ยังเผยว่า ได้มีการประสานเบื้องต้นจากทางวิปฝ่ายค้านแล้ว ว่าจะมีการเสนอญัตติด้วยวาจา ในประเด็นการอดอาหารประท้วงของ ตะวัน และ แบม ในเรือนจำ ในส่วนของวิปรัฐบาล เมื่อได้รับการประสานให้เรื่องนี้ก็มีความเห็นตรงกันว่า การใช้พื้นที่ในสภาเพื่อจะปรึกษาหารือ คลี่คลายสถานการณ์ เป็นเรื่องที่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้ามา และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน ส่วนเมื่อเสนอญัตติแล้วสภาจะมีมติอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ชินวรณ์ ย้ำว่า โดยส่วนตัวของตน ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าพรรคเราเห็นด้วยที่จะให้นำปัญหาดังกล่าวเข้ามา ช่วงเช้านี้ได้ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ยืนยันว่าไม่ขัดข้อง

ด้วยเรื่องนี้มีความเร่งด่วน อีกทั้งสภาฯ อยู่ในปลายสมัยแล้ว มีเวลาจำกัด จึงได้ต่อรองกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน 2 ประเด็น ได้แก่ ขอให้ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายญัตตินี้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง และขอให้เป็นญัตติที่นำเสนอเรื่องนี้ให้ฝ่ายรัฐบาลพิจารณาต่อไป ซึ่งเข้าใจว่าทุกฝ่ายได้ยอมรับเบื้องต้นในประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลต้องฟังรายละเอียดที่ฝ่ายค้านเสนอด้วยวาจาอีกครั้งหนึ่งว่ามีเรื่องใดบ้าง

สำหรับเรื่องที่รัฐบาลเห็นด้วยตรงกันนั้นคือเรื่องเดียวคือเรื่องอดอาหารส่วนประเด็นอื่นๆ ต้องพิจารณาหารือกันเพื่อไปสู่ข้อสรุปอีกครั้ง

ชินวรณ์ ยังมองว่า สถานการณ์ทางการเมือง ปกติแล้วการประชุมสภาในปลายสมัยประชุมทุกพรรคจะให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการรักษาองค์ประชุม เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นอยู่กับทุกพรรคที่จะตัดสินใจร่วมกัน 

แต่เนื่องจากครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนฐานะของตัวเองไปเป็นนักการเมืองของพรรคการเมืองที่มีเสียงในสภา 1 คน ด้วยเหตุนี้ในสภาจึงขาดเสียงของผู้นำฝ่ายรัฐบาล อีกทั้งแกนนำของฝ่ายรัฐบาล 2 พรรคใหญ่ก็มีการตั้งพรรคการเมืองเพื่อมาหาเสียงในคราวต่อไปด้วย เป็นเหตุให้จุดสนใจในคราวนี้แตกต่างจากคราวที่ผ่านมา 

"แต่ผมยังขอเรียกร้องว่า ถ้าเราเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยด้วยระบบรัฐสภา พรรคการเมืองจะเป็นที่คาดหวังของพี่น้องประชาชน ผมจึงอยากจะเรียกร้องพรรคการเมือง และนักการเมืองที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ขอให้ได้ช่วยกันรักษาองค์ประชุมของสภาให้เดินหน้าไปด้วยดี โดยเฉพาะการแสดงสปิริตในการอยู่เป็นองค์ประชุมช่วงอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เพราะหากมีเหตุอันใดทำให้องค์ประชุมล่มไป ความเสียหายจะตกอยู่กับพรรคพวกรัฐบาลด้วย"

ชินวรณ์ ยังเผยว่า ประธานรัฐสภายังทำหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรีหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคตามที่ประธานรัฐสภาร้องขอ คือส่งรายชื่อ ส.ส.ที่จะมาเข้าประชุม ให้ครบองค์ประชุมทั้ง 3 ครั้งสุดท้ายนี้ และขอให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ซึ่งมีทั้งหมด 15 คนได้เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพราะห่างรัฐมนตรีไม่เข้าร่วมประชุม แต่ไปตรวจงาน จะทำให้ ส.ส.ติดตามไปตรวจงานด้วย

ทั้งนี้ ยังมีการเสนอว่าเนื่องจากฝ่ายสภาผู้แทนราษฎรได้เรียนว่า สำนักงานสภาผู้แทนราษฎรได้ประกาศรายชื่อสำหรับผู้มาและไม่มาประชุมทุกครั้ง ติดไว้ที่หน้าห้องประชุมแล้ว