ไม่พบผลการค้นหา
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ว่า การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ใดๆ ใส่สหรัฐฯ หรือพันธมิตรของตนโดยเกาหลีเหนือ จะก่อให้เกิด “ผลลัพธ์ในจุดจบของระบอบคิม”

เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลของระบอบคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือในกรุงเปียงยาง ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธกว่าหลาบสิบหัวรบ โดยกองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือมีการทดลองยิงขีนาวุธข้ามทวีปในช่วงวันพฤหัสบดีที่อาจจบลงด้วยความล้มเหลว ในขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือว่า “อุกอาจและเกินกว่าจะอดทนอดกลั้นได้อย่างรุนแรง”

จากแถลงการณ์ร่วมที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมกับ ลีจองซับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ออสตินกล่าวว่า “การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ใดๆ ต่อสหรัฐฯ หรือพันธมิตรและหุ้นส่วนของสหรัฐฯ รวมทั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่เชิงยุทธศาสตร์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และจะส่งผลให้ระบอบคิมสิ้นสุดลง”

การแถลงในครั้งนี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ใช้ภาษาและท่วงทำนองคล้ายคลึงกันกับเอกสารของแผนยุทธศาสตร์การป้องกันแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในส่วนหนึ่งของเอกสารดังกล่าวระบุว่า “กลยุทธ์ของเราสำหรับเกาหลีเหนือตระหนักถึงภัยคุกคาม ที่เกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ เคมี ขีปนาวุธ และความสามารถทางอาวุธแบบดั้งเดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความจำเป็นในการชี้แจงให้ชัดเจนต่อรัฐบาลคิม ถึงผลที่เลวร้ายหากใช้อาวุธนิวเคลียร์… มันไม่มีฉากทัศน์ที่ระบอบคิมจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์และอยู่รอดต่อไปได้”

ออสติน นายพลเกษียณอายุของกองทัพสหรัฐฯ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนผิวดำคนแรก ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าว ณ อาคารเพนตากอน กระทรวงกลาโหม ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ “รัฐมนตรีลีและผมมีการอภิปรายที่ชัดเจนในวันนี้” ออสตินกล่าว “เราได้พูดคุยกันถึงวิธีที่เกาหลีเหนือทำการยั่วยุ และกระทำการกระทบต่อเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง และในขณะเวลาที่มีความตึงเครียดมากขึ้น พันธมิตรของเรานั้นเหนียวแน่น”

“สหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการป้องกันประเทศ (ของเกาหลีใต้) ความมุ่งมั่นในการป้องปรามที่ยืดเวลาออกมาของเรานั้นมั่นคง และรวมถึงความสามารถในการป้องกันนิวเคลียร์และอาวุธแบบดั้งเดิม และระบบป้องกันขีปนาวุธอย่างเต็มรูปแบบ” ออสตินระบุ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหมสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่าทั้งสองประเทศวางแผนที่จะกลับไปซ้อมรบขนาดใหญ่บนคาบสมุทรเกาหลี โดยฝ่ายบริหารของรัฐบาล โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว หลังจากที่ 4 ปีที่แล้วที่ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยทรัมป์เคยระบุว่า ตนต้องการให้เกาหลีใต้จ่ายค่าความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ที่เคยมอบให้ตั้งแต่สงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496

ก่อนหน้านี้ในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีนโยบายนิวเคลียร์อย่างดุเดือดในหลายครั้ง ทั้งนี้ ทรัมป์เคยเข้าพบกับคิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จัดการประชุมสุดยอดกับผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ซึ่งถูกรายงานข่าวไปทั่วโลก แต่กลับก่อให้เกิดประโยชน์ที่จับต้องได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออสตินกล่าวว่าสหรัฐฯ “มุ่งมั่นที่จะสานต่อความพยายาม (ของฝ่ายบริหารของไบเดน) ในการเสริมสร้างการป้องปรามแบบบูรณาการ และเพื่อให้แน่ใจว่าการเป็นพันธมิตรกันนี้ยังคงเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และทั่วอินโด-แปซิฟิก”


ที่มา:

https://www.theguardian.com/us-news/2022/nov/03/north-korea-nuclear-attack-us-kim-regime-lloyd-austin?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR02scSfT6BmYpgTEoEwc0Ea5qKFkJbp2wdQureAH_VfmO1gmOmcetfZLnw