วันที่ 7 ม.ค. 2566 ที่ตลาดเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ตลาดเคหะคลองจั่นเพื่อแนะนำ สิริลภัส กองตระการ อดีตนักแสดงสาวที่ประสงค์เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ พรรคก้าวไกล โดยมีแกนนำพรรค อาทิ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมคณะด้วย
พิธา กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่เพื่อเปิดตัว หมิว สิริลภัส ซึ่งประชาชนน่าจะรู้จักกันพอสมควร เพราะเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนมาตลอด 2 ปี โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และตอนนี้มาเสนอตัวเป็นผู้แทนในเขตบางกะปิ ซึ่งเป็น 1 ในเขตยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลด้วย พร้อมบอกว่า เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่ตั้งความหวังไว้มาก และอยากจะเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สีส้มทั้งหมด ซึ่งเขตบางกะปิ พรรคก้าวไกลได้ที่ 2-3 มาตลอด และยังเป็นพื้นที่ของพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือ ไอติม เพราะฉะนั้นมั่นใจว่า ด้วยองคาพยพที่มีอยู่จะสามารถรักษาเขตเดิมเพิ่มเติมเขตใหม่ในกรุงเทพฯ
พิธา กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าจะได้ 15 เขตขึ้นไป หรือเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวน 33 เขตเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นความมั่นใจจากพรรคอนาคตใหม่เดิม และการเลือกตั้ง ส.ก. รวมถึงความอ่อนแอของคู่แข่งเดิมที่มีความแตกแยกกันพอสมควร รวมทั้งนโยบายของพรรคเรา และวันที่ 28 ม.ค. นี้จะมีการประชุมวิสามัญใหญ่ของพรรค คาดว่าจะทำให้สำเร็จตามเป้าหมายได้
ด้าน สิริลภัส กล่าวว่า การที่เป็นคนอยู่ในแสงอยู่แล้ว เป็นที่รู้จักอาจจะแค่เป็นส่วนหนึ่ง แต่ประชาชนน่าจะตัดสินกันตรงที่การลงพื้นที่ หรือการทำงานมากกว่า ยอมรับว่าการเป็นที่รู้จัก ถือว่าเป็นความอุ่นใจอย่างหนึ่ง แต่ค่อนข้างมั่นใจ ทั้งในวงการบันเทิง และวงการการเมืองว่า ตัวเองตั้งใจทำงานมากทุกครั้ง
พิธา กล่าวเสริมว่า หน้าที่ของ ส.ส. คือพูดแทนประชาชน มีความสามารถในการสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งน่าจะทำให้สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้มากขึ้น
ลั่น 'ก้าวไกล' ไม่จับมือพรรคทหารจำแลง
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการจับมือของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคก้าวไกลจะร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ พิธา ระบุว่า นั่นเป็นสมมติฐานหนึ่ง แต่คิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นคำตอบสำหรับความท้าทายของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยส่วนตัวยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลงแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทั้งสองพรรคนี้ได้วางขั้วเอาไว้อย่างชัดเจน ส่วนเวลาที่เหลือจะนำเวลามาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้กล่าวถึงการอภิปรายของ ส.ส. ในสภาฯ เรื่องทุนจีนสีเทา พิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมี ธีรัจชัย ซึ่งเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร อยู่แล้ว ตนมั่นใจว่าจะมีประเด็นนี้ถูกพิจารณาอยู่ในขั้นกมธ.
ส่วนจะมีการอภิปรายในประเด็นนี้ในการอภิปรายทั่วไปตาม มาตรา 152 หรือไม่นั้น พิธา ปฏิเสธตอบ โดยบอกว่าขออุบไว้ก่อน พร้อมยังบอกอีกว่า การอภิปรายในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนเนื่องจากไม่มีการลงมติโดย ส.ส. แต่เป็นการอภิปรายเพื่อลงมติโดยประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติวันที่ 9 ม.ค. นี้ พิธา มองว่า ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร เป็นเรื่องที่รู้ถึงความแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาลมานาน ซึ่งเป็นเหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ได้ตอบโจทย์ความท้าทายของพี่น้องประชาชน พร้อมบอกว่า หากเป็นการพูดถึงนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้อง สวัสดิการของประชาชน ถ้ามันเป็นแค่การเปิดตัว แต่เป็นระบอบประยุทธ์เหมือนเดิมก็คิดว่าไม่มีอะไรใหม่
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธา พร้อมด้วยคณะแกนนำคนอื่นๆ รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. คนอื่นๆ ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า พร้อมทั้งแจกโบรชัวร์ให้แก่ประชาชนที่จับจ่ายซื้อของในพื้นที่ตลาดเคหะคลองจั่น