สภาพอากาศแปรปรวน ที่ทำให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล กำลังจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาเมล็ดกาแฟโลกในปีนี้สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บราซิล ซึ่งเป็นแหล่งปลูกและส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ประสบกับภัยแล้งซ้ำซ้อน หลังจากที่เคยขาดแคลนน้ำจนรัฐบาลประกาศห้ามใช้น้ำจากแม่น้ำหลายสายไปทำการเกษตรตั้งแต่ปลายปี 2015 จนเกือบตลอดทั้งปี 2016 และเมื่อมีการประกาศให้ใช้น้ำได้อีกครั้ง ก็ประสบกับภัยแล้งอีกระลอก ทำให้มาตรการจำกัดการใช้น้ำกลับมาบังคับใช้อีกครั้ง ซ้ำเติมปัญหาผลผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตาขาดแคลนให้หนักยิ่งกว่าเดิม ทำให้ในปี 2017 นี้ ราคาเมล็ดกาแฟโรบัสตาในตลาดโลกจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อผู้ซื้อหันไปซื้อเมล็ดกาแฟอาราบิกาแทน ก็อาจส่งผลให้ราคาขึ้นตามไปด้วยในอนาคต
เกษตรกรรายหนึ่งในรัฐเอสปิริโต ซานโต ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล เปิดเผยว่า การประกาศอนุญาตให้ใช้น้ำในการเกษตรมีผลบังคับใช้เพียงไม่นาน ทำให้เขาไม่สามารถรดน้ำในพื้นที่อีก 70 เปอร์เซ็นต์ของไร่กาแฟที่มีได้ และคาดว่าน่าจะสูญเสียโอกาสในการผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายอย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ จากประมาณการสินค้าทั้งหมด 30,000 ถุง น้ำหนักถุงละ 60 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ควรจะผลิตได้ในแต่ละฤดูกาล
นอกจากปัญหาขาดแคลนน้ำที่ทำให้ผลผลิตในบราซิลลดลงแล้ว ไร่กาแฟในเวียดนามก็ประสบกับปัญหาน้ำฝนมากเกินไป จนคุณภาพเมล็ดกาแฟไม่ได้มาตรฐาน ขณะที่ ในอินโดนีเซียก็ไม่น่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้โดยรวมแล้ว สถานการณ์ในตลาดกาแฟทั่วโลกไม่คล่องตัวเท่าที่ควร