ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่กำลังจะเข้าฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้มืชื่อว่า ‘The Zookeeper’s Wife ซึ่งนำเสนอเรื่องราวดีๆ ที่น่าจดจำ ที่เกิดขึ้นในยุคที่กองทัพนาซีบุกยึดโปแลนด์
ภาพของโศกนาฏกรรมที่ไร้เหตุผล ไร้มนุษยธรรม ที่พรากชีวิตของชาวยิวกว่า 6 ล้านคนในยุคที่นาซีเรืองอำนาจในช่วงทศวรรษที่ 1930-1940 มักถูกหยิบยกมาอ้างอิงและนำมาสร้างเป็นนวนิยาย บทประพันธ์อิงประวัติศาสตร์ รวมถึงสารคดี และภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยภาพของความสูญเสีย ความป่าเถื่อนโหดร้าย และความเกลียดชังที่ฝังรากลึก มักถูกนำมาถ่ายทอดในฐานะที่เป็นโครงเรื่องหลักเสมอมา เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนให้เราระลึกว่า ครั้งหนึ่งโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชนาติ ได้เกิดขึ้นจากการที่ผู้คนถูกครอบงำด้วยอคติทางเชื้อชาติและศาสนา
แม้สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยนาซีมีพลังและตราตรึงในจิตใจของผู้ชม คือ ความโศกเศร้าอันน่าสลดหดหู่ แต่ภาพยนตร์ที่อ้างอิงจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง อย่าง The Zookeeper’s Wife ที่กำกับโดยนิกิ คาโร ผู้กำกับสาวที่เคยกวาดรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติในหลายประเทศ กลับเลือกนำเสนอมุมมองที่แตกต่างจากภาพยนตร์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเรื่องอื่น
The Zookeeper’s Wife เลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวของแอนโตนินา ซาร์บินสกาชี ภรรยาของเจ้าของสวนสัตว์ในกรุงวอร์ซอว์ของโปแลนด์ ซึ่งรับบทโดยเจสสิกา แชสเทน นักแสดงหญิงมากฝีมือที่เคยได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสกาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยซาร์บินสกาและ สามีของเธอ ได้สร้างวีรกรรมที่น่ายกย่องด้วยการเสี่ยงชีวิตลักลอบพาชาวยิว ซึ่งถูกควบคุมตัวในเขตกักกันกว่า 300 ไปซ่อนตัวภายในสวนสัตว์จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง
โดย The Zookeeper’s Wife นำเสนอภาพของความเมตตา และน้ำใจที่มนุษย์มีต่อกัน ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มักเน้นเสนอภาพความอำมหิตโหดร้ายของนาซี ซึ่งเจสสิกา แชสเทนก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของ ‘แอนโตนินา’ ในฐานะแม่และภรรยา ที่ต้องเผชิญกับความกดดัน ทางเลือก และการบีบบังคับได้อย่างสมจริง
นอกจากนี้ ผู้ชมที่มีโอกาสได้รับชม The Zookeeper’s Wife รอบปฐมฤกษ์ ต่างระบุตรงกันว่า แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอเหตุการณ์ที่น่าเศร้า แต่กลับให้อารมณ์ที่อบอุ่นและความรู้สึกที่ดีๆ
The Zookeeper’s Wife จะเข้าฉายจริงในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในวันที่ 4 พฤษภาคม ส่วนรอบสื่อมวลชนจะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคมที่จะถึงนี้