ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรประบุว่า ทวีปของพวกเขากำลังอยู่ในสถานะที่มี “การคุ้มกันที่สูง” จากการที่ประชาชนมีภูมิคุ้มกันที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยุโรปพบกับ “ความสงบที่ยั่งยืน” ถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะมีเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงกว่าเชื้อโอไมครอนเกิดขึ้นมาก็ตาม
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศในภูมิภาคยุโรปทั้ง 53 ประเทศจะมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 12 ล้านคน ซึ่งเป็นรายงานการพบผู้ติดเชื้อประจำสัปดาห์สูงสุดเท่าที่ยุโรปเคยพบมา แต่อัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ถึงแม้จะมีเพิ่มขึ้น แต่กลับไม่พุ่งขึ้นสูงเทียบเท่ากับอัตราผู้ติดเชื้อใหม่ โดยเฉพาะอัตราผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินที่ไม่ได้เพิ่มตัวอย่างมีนัยสำคัญ ตลอดจนตัวเลขการเสียชีวิตในยุโรปที่เข้าสู่จุดคงที่
“การฉีดวัคซีนในเมืองหลวงขนาดใหญ่ และภุมิคุ้มกันตามธรรมชาติ การเปลี่ยนฤดูกาล และความรุนแรงที่ต่ำของโอไมครอน” จะช่วยเพิ่มโอกาสให้รัฐบาลต่างๆ ในยุโรปมี “โอกาสเดียวในการควบคุมการแพร่เชื้อ” คลูกระบุ ก่อนที่เขาจะย้ำว่า ยุโรปอาจจะได้พบกับ “ช่วงเวลาของความสงบอันยาวนาน และการที่มีประชากรจำนวนมากมีภูมิคุ้มกัน” เพื่อต่อสู้กับการระบาดที่อาจฟื้นตัวขึ้นในอนาคต
การทำนายว่ายุโรปจะพบกับการระบาดที่อาจจะหยุดการลุกลามลงนั้น จะทำให้ยุโรป “เคลื่อนตัวไปสู่การจบเกมการระบาด” ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี ข่าวดีดังกล่าวมาพร้อมกับข้อย้ำเตือนขององค์การอนามัยโลกประจำยุโรปว่า รัฐบาลในประเทศต่างๆ ต้องไม่หยุดการฉีดวัคซีนรวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชน เพื่อป้องกันกลุ่มคนเปราะบาง ตลอดจนการส่งเสริมให้ผู้คนมีความรับผิดชอบส่วนบุคคล และการเฝ้าระวังที่เข้มงวดในการตรวจหาเชื้อเพื่อให้เจอกับสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
องค์การมัยโลกประจำภูมิภาคยุโรประบุอีกว่า ประเทศต่างๆ ควรหันมาให้ความสนใจกับการแบ่งปันวัคซีนข้ามพรมแดน ที่จะทำให้เกิดการกระจายวัคซีนที่เท่าเทียม เพื่อให้ภูมิภาคของพวกเขาตลอดจนนอกภูมิภาคได้มีอัตราประชากรที่มีภูมิคุ้มกันเพียงพอที่จะทำให้การระบาดใกลเข้าสู่จุดจบของมันมากยิ่งขึ้น
ที่มา:
https://www.euronews.com/2022/02/02/covid-19-in-europe-austria-vaccine-mandate-comes-into-force