ไม่พบผลการค้นหา
เริ่มต้นปี 2018 ด้วยข่าวดีในคาบสมุทรเกาหลี เมื่อคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กล่าวสุนทรพจน์ปีใหม่ ย้ำว่าพร้อมเจรจากับเกาหลีใต้ แต่ยังไว้ลายด้วยการบอกว่า มี “ปุ่มนิวเคลียร์” เตรียมพร้อมบนโต๊ะเสมอเพื่อป้องกันสหรัฐฯก่อสงคราม ท่าทีดังกล่าวทำเอาทรัมป์ทนไม่ได้ ต้องออกมาประกาศว่า เขาก็มี “ปุ่มนิวเคลียร์” เหมือนกัน แต่ใหญ่กว่า ทรงพลังกว่า แถมใช้งานได้จริงด้วย

นับตั้งแต่นายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กล่าวสุนทรพจน์ปีใหม่ โดยยืนยันว่าเกาหลีเหนือและใต้ควรหลอมละลายความสัมพันธ์ที่เย็นชาต่อกันเพื่อต้อนรับปีใหม่ แม้จะยังขู่ว่าโต๊ะในออฟฟิศเขามี "ปุ่มนิวเคลียร์" เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯก่อสงครามก่อน แต่สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีก็ผ่อนคลายลงอย่างมีนัยสำคัญ 

AP18001174547610.jpg

นายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กล่าวสุนทรพจน์ปีใหม่ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยเขาใส่สูทสากลสีเทา ผูกไท แตกต่างจากปกติที่มักใส่เสื้อแจ็กเก็ตคอปิดสไตล์คอมมิวนิสต์

นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ตอบสนองด้วยการเสนอให้มีการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองเกาหลีในวันที่ 9 มกราคม เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักกีฬาเกาหลีเหนือมาแข่งในโอลิมปิกฤดูหนาว เปียงชาง 2018 ที่จะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และล่าสุด IOC หรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากลก็ชื่นชมท่าทีของทั้งสองประเทศ ที่ใช้กีฬาเป็นจุดเริ่มต้นของการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมือง แสวงหาจุดร่วมเพื่อสร้างสันติภาพ และยืนยันว่าคณะกรรมการโอลิมปิกเปิดกว้างต่อนักกีฬาของเกาหลีเหนือเสมอ

อย่างไรก็ตาม นิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ ย้ำว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เกาหลีเหนือ และไม่ยอมรับเกาหลีเหนือที่ติดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับทำเนียบขาวที่ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเดินหน้ามาตรการกดดันเกาหลีเหนืออย่างการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อไป แม้เกาหลีใต้จะเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนือก็ตาม

และล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ออกมาตอบโต้สุนทรพจน์ปีใหม่ของคิมจองอึน โดยทรัมป์ไม่ได้สนใจใจความสำคัญอย่างการที่คิมจองอึนยอมเปิดการเจรจากับเกาหลีใต้ แต่ไปให้น้ำหนักกับคำขู่ของเกาหลีเหนือเรื่อง "ปุ่มนิวเคลียร์" โดยทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า ที่ผู้นำเกาหลีเหนือบอกว่าตนเองมีปุ่มนิวเคลียร์เตรียมพร้อมอยู่บนโต๊ะตลอดเวลานั้น เขาขอให้ใครก็ได้ในประเทศที่อดอยากนี้ช่วยไปบอกคิมจองอึนด้วยว่าทรัมป์เองก็มีปุ่มนิวเคลียร์เช่นกัน และใหญ่กว่ามาก แถมทรงพลังกว่ามาก รวมถึงใช้งานได้จริงด้วย

ท่าทีล่าสุดของทรัมป์บ่งชี้ว่าสหรัฐฯ ไม่พอใจที่การเปิดเจรจาระหว่างสองเกาหลีอาจเกิดขึ้นโดยไม่ต้องการตัวช่วยเป็นมหาอำนาจอย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด แต่นักวิเคราะห์กังวลว่าความเป็นปฏิปักษ์ที่ทรัมป์แสดงต่อคิมอย่างชัดแจ้ง จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพที่กำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างระหว่างสองเกาหลีเท่านั้น แต่ยังจะเพิ่มความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจที่หนุนหลังเกาหลีเหนืออยู่ด้วย แม้ที่ผ่านมา จีนจะให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติในการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ แต่จีนย่อมไม่พอใจที่สหรัฐฯแสดงท่าทีแข็งกร้าวในช่วงเวลาที่วิกฤตนิวเคลียร์คาบสมุทรเกาหลีดูท่าว่าจะเริ่มคลี่คลายลง 

และหากสหรัฐฯยังแสดงท่าทีขัดขวางการเจรจาระหว่างสองเกาหลีต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นชนวนไปสู่สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งในฐานะที่ทั้งคู่เป็นมหาอำนาจทางการทหารและเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก ความตึงเครียดนี้จึงไม่เพียงสร้างบรรยากาศไร้เสถียรภาพทางการเมืองเท่านั้น แต่ย่อมส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนตลอดปีนี้อย่างแน่นอน

AP18002698985520.jpg

ทรัมป์ทวีตข้อความตอบโต้คิมจองอึนโดยระบุว่าเขาเองก็มีปุ่มนิวเคลียร์เช่นกัน แต่ใหญ่กว่าและทรงพลังกว่ามาก