เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.เขต 25 บางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถูกออกหมายจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ ในข้อหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกจากสภา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการใช้มูลนิธิป่ารอยต่อเพื่อเป็นศูนย์กลางเครือข่ายอำนาจเพื่อต่อรองผลประโยชน์ต่าง ทั้งต่อมายังพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายตั๋วช้างเเละการค้ามนุษย์โรฮิงญา
ทั้งนี้ ณัฐชา กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า กระบวนการยุติธรรมกำลังถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เพียงเพื่อสนองความต้องการของผู้มีอำนาจบางคน ทำให้กระบวนการทางยุติธรรมทั้งระบบรวมถึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายถูกมองอย่างหมดศรัทธาในสายตาพี่น้องประชาชน ไม่เหลือความน่าเชื่อถือหรือเชื่อว่าสามารถเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้อย่างที่สิ้นเชิง
“การอภิปรายของ รังสิมันต์ โรม เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยตำเเหน่งในรัฐสภาในฐานะผู้แทนราษฎร เเละการตรวจสอบการทำงานของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นกระบวนการทางนิติบัญญัติตามกลไกรัฐสภา แต่กลับถูกใช้อำนาจที่มีอยู่กลั่นแกล้งทางเพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติและการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร
"ถูกประชาชนตั้งข้อสงสัยว่าการทำหน้าที่ไม่ว่าการอภิปรายหรือตรวจสอบผู้มีอำนาจของ ส.ส. สามารถทำได้หรือไม่ เพราะทำไปแล้วก็ถูกดำเนินคดี แถมกระบวนการดำเนินคดียังผิดหลักผิดขั้นตอน เช่นการออกหมายเรียกในระหว่างสมัยประชุมซึ่งขัดต่อข้อกฎหมาย เพราะ ส.ส.มีเอกสิทธิคุ้มครอง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังดึงดันที่จะส่งหมายเรียกดังกล่าว” “ ณัฐชา ระบุ
ณัฐชา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ เห็นว่า เรื่องนี้เป็นการทำลายระบอบการเมืองและการตรวจสอบถ่วงดุลตามระบอบประชาธิปไตย จึงเตรียมเข้าบรรจุเรื่องนี้ในวาระของกรรมาธิการ โดยจะเชิญ พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พลตำรวจตรีเอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลภาค 7
ผู้กำกับสน.บางขุนนท์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกท่านว่ากระบวนการออกหมายจับแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนสั่งการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทำลายความเชื่อมั่นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรื่องนี้มีความสำคัญ จำเป็นต้องสืบหาข้อเท็จจริงและเอาผิดของผู้ที่มีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในกระบวนการดังกล่าวเพื่อให้เป็นที่กระจ่างชัดต่อสังคมต่อไป