ยุคนี้ มีธุรกิจสตาร์ทอัพเกิดใหม่จำนวนมาก แต่บริษัทสตาร์ทอัพจะเติบโตต่อได้ จำเป็นต้องมีการพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เราลองไปดูกรณีของสตาร์ทอัพในอินเดีย
อินเดียอาจเป็นประเทศที่มีธุรกิจสตาร์ทอัพเกิดขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก มีตลาดที่เติบโต้ขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่อินเดียกลับประสบปัญหาว่าสตาร์ทอัพต่างๆไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ในรายงานล่าสุดของสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของไอบีเอ็มระบุว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพในอินเดียกว่าร้อยละ 90 ล้มเหลวลงภายในเวลา 5 ปีเท่านั้น และในจำนวนธุรกิจที่ล้มเหลวร้อยละ 77 เป็นเพราะไม่มีเทคโนโลยีใหม่หรือไม่มีโมเดลธุรกิจที่แตกต่าง นอกนั้นจะเกิดจากปัญหาขาดแรงงานมีฝีมือ เงินทุน หรือไม่มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ
ในปี 2015 มีธุรกิจสตาร์ทอัพในอินเดียต้องปิดตัวลงไปถึง 1,503 บริษัท โดยเหตุผลหลักมาจากการที่ธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ในอินเดียเลียนแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับโลก และนำมาปรับให้เข้ากับท้องถิ่น เช่น อินเดียมี Ola ให้บริการแท็กซี่แทน Uber , Gaana ไว้ฟังเพลงแทน Spotify , OYO Rooms ไว้หาที่พักแทน Airbnb และไปช็อปปิ้งออนไลน์ใน Flipkart แทน Amazon
นอกจากนี้ อินเดียยังไม่มีสตาร์ทอัพที่ยิ่งใหญ่เหมือนกูเกิล เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ แต่ในทางตรงกันข้าม จีนซึ่งใช้วิธีลอกเลียนแบบธุรกิจสตาร์ทอัพระดับโลกเช่นกัน กลับมีสตาร์ทอัพยักษ์ใหญ่อย่าง Baidu (ไป่ตู๋) มาแทนกูเกิล มีอาลีบาบามาแทนแอมะซอน โดยปัจจุบันอินเดียอยู่ในอับ 66 บนดัชนีนวัตกรรมโลก ขณะที่จีนอยู่ในอันดับที่ 25
แม้ชาวอินเดียจะมีคนเก่งด้านเทคโนโลยีรวมถึงปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ สามารถเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว แต่อินเดียกลับสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆไม่ได้ ไม่ต่อยอดธุรกิจ ทำให้ไม่ได้รับเงินทุนอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุน
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทอินเดียยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านวิจัยและการพัฒนาผ่านความร่วมมือกับนานาชาติ ทำให้บริษัทในท้องถิ่นเข้าไม่ถึงความร่วมมือและความช่วยเหลือจากสถาบันด้านวิชาการของต่างประเทศ ขณะเดียวกัน การบริหารด้านการศึกษาของอินเดียก็ไม่ค่อยดีนัก โดยรายงานเมื่อปี 2016 ของไอบีเอ็มระบุว่า อินเดียมีคนจบวิศวกรรมศาสตร์ออกมาจำนวนมาก แต่บัณฑิตเหล่านี้ถึงร้อยละ 80 ยังคงตกงาน
อย่างไรก็ตาม รายงานของไอบีเอ็มระบุว่า อนาคตธุรกิจสตาร์ทอัพของอินเดียยังคงไม่มืดมนเสียทีเดียว เพราะรัฐบาลอินเดียพยายามส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ๆอย่างจริงจัง ทำให้วัฒนธรรมสตาร์ทอัพแข็งแกร่งขึ้น และตลาดที่ใหญ่มากของอินเดียก็ยังเป็นข้อดีของการทำธุรกิจสตาร์ทอัพอยู่ดี