วันที่ 16 มิ.ย. ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ไม่ใช่ครั้งแรกก็เลยไม่ตกใจ ซึ่งก็ทราบข่าวมาแล้วว่า จะมีชื่อตนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นอะไรบ้าง เรื่องที่ฝ่ายค้านและ ส.ส.ไม่พอใจหรือสงสัยเรื่องใดก็จะชี้แจงในการอภิปราย
เมื่อถามว่า ญัตติที่จะถูกอภิปรายค่อนข้างรุนแรงมีความกังวลหรือไม่ ชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการทำงานในกระทรวงที่เป็นเรื่องอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนถูกหลอกลวง เราก็ไม่สบายใจ โดยทางกระทรวงก็ได้มีการติดตามเรื่องนี้มาตลอดและพยามแก้ไข แต่ก็ยอมรับว่ามันมีเรื่องของอำนาจหน้าที่และข้อกฎหมายอย่างเช่นการดำเนินคดีกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ต่างประเทศไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะอยู่นอกอำนาจอธิปไตยของเรา รวมถึงข้อกฎหมายในการปิดกั้นหรือบล็อกเว็บไซต์หรือแอคเค้าท์ที่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ต้องใช้อำนาจ ศาลและรวบรวมพยานหลักฐานหลายอย่างก็อาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแจ้งเตือนประชาชนและให้ความรู้และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนซึ่งเราก็ทำอยู่ตลอด
“ส่วนเรื่องการทำผิดกฎหมาย หรือทุจริต ผิดจริยธรรม ผมไม่ได้ทำอยู่แล้ว อาจจะมีความเข้าใจคาดเคลื่อน ก็คงต้องชี้แจงในสภาให้เพื่อนสมาชิกได้เข้าใจ ซึ่งทุกคนก็ทำตามกฏหมาย เพราะการทำงานในกระทรวงทุกกระทรวงจะมีข้าราชการ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ก็ตาม ทุกคนต้องทำตามกฏหมาย ทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมไม่เชื่อว่าจะมีใครทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกคนก็รู้ว่าอะไรถูกหรือไม่ถูก สิ่งที่ไม่ดีเราก็ไม่ทำอยู่แล้ว ทำในสิ่งที่ถูกต้องตามประมวลจริยธรรม ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนี้อยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านจะปิดเกมรัฐบาลได้หรือไม่ ชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าใครปิดเกมใคร เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างทำหน้าที่ อย่าไปคิดเป็นเกมเลย ตนคิดว่าการตรวจสอบรัฐบาลด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพราะฝ่ายค้านจะได้นำเสนอปัญหาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้องให้รัฐบาลได้รับทราบและรัฐบาลจะได้ชี้แจง ส่วนถ้าใครทุจริต ทำผิดกฎหมาย ฝ่ายค้าน นอกจากจะอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ก็สามารถดำเนินคดีได้ เช่นร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ถอดถอนจากตำแหน่งก็เป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของส.ส.ที่ต้องทำงานร่วม ถือว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนไม่ได้น่าตกใจอะไร
เมื่อถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ยุทธการ เด็ดหัว สอยนั่งร้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ชัยวุฒิ กล่าวว่า “การใช้คำพูดแบบนี้เพื่อทำให้เกิดสีสัน ทำให้คนสนใจหวือหวาหน่อย เป็นการโหมโรงก็เป็นเรื่องธรรมดาของฝ่ายค้านไปดูที่สาระดีกว่า หนังบางเรื่อง ชื่ออาจจะบู้ แต่ในเนื้อเรื่องอาจจะเศร้าก็ได้หรือเป็นหนังตลกก็ไม่รู้”
เมื่อถามอีกว่า หลังการอภิปรายจะนำไปสู่การยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ ชัยวุฒิ ระบุว่า คิดว่าหากเราผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ เราก็ต้องทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่งอย่างน้อยก็เรื่องของงบประมาณที่ต้องผ่านสภา รวมถึงเรื่องจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (APEC) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่จะมาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเราก็ต้องจัดการประชุมนี้ให้สำเร็จให้ได้ หากมีการยุบสภาหรือไม่มีรัฐบาล จะทำให้การประชุมเอเปคจัดขึ้นได้ยาก และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศด้วย
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าเสียงของรัฐบาลจะลากยาวไปถึงการประชุมเอเปค ชัยวุฒิ กล่าวว่า เป็นเป้าหมายที่เราพูดคุยกัน หลังจากนั้นก็แล้วแต่สถานการณ์การเมืองก็ต้องไปว่ากันอีกที วันนี้ต้องมองเป็นช่วงๆ อย่ามองไกลมากไม่ได้
เมื่อถามว่า เป้าหมายจะเป็นตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุ จะมีการยุบสภาหลังการประชุมเอเปคหรือไม่ ชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบต้องไปถามดูอีกที แต่เป้าหมายเอาแค่นี้ก่อน จากนั้นค่อยไปว่ากันอีกที ไม่ต้องรีบยุบสภา จะรีบเลือกตั้งไปทำไม ใจเย็นๆ ยังมีเวลาทำงานให้กับประชาชนอีกตั้งเยอะ มีปัญหาพี่น้องประชาชนที่ต้องเร่งแก้ไขก็มีอีกหลายเรื่อง ซึ่งตนเชื่อว่าที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาดูแลพี่น้องประชาชนได้ดี และไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติในเรื่องการป้องกันการแพร่โควิด-19 ซึ่งวันนี้เราก็สามารถเปิดประเทศได้แล้ว เป็นความสำเร็จที่เราสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวได้ ประเทศเราเดินไปข้างหน้าแล้ว วันนี้เราก็ต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศประเทศให้สงบสุข เกิดความเชื่อมั่นดีกว่า เศรษฐกิจจะได้เดินหน้าไปได้